posttoday

Gen Z เปลี่ยนออฟฟิศสู่สไตล์ใหม่ จริงใจ คล่องตัว และใช้ AI

06 กันยายน 2568

เจน Z กลับออฟฟิศพร้อมค่านิยมใหม่ ใช้ AI สร้างผลงาน เปิดใจเรื่องสุขภาพจิต และสร้างบรรยากาศที่สะท้อนตัวตนอย่างมั่นใจ

คนทำงานเจน Z ที่เริ่มกลับเข้าสู่ออฟฟิศ กำลังนำพาความเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ มาสู่ที่ทำงาน พวกเขาใช้ AI อย่างคล่องแคล่ว กล้าเปิดใจพูดเรื่องสุขภาพจิต และทำงานในแบบที่สะท้อนตัวตนจริงมากขึ้น

 

กลุ่มคนรุ่นนี้ซึ่งเกิดระหว่างปี 1997–2012 หลายคนเริ่มต้นอาชีพในช่วงโควิด-19 ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและการทำงานจากบ้านเป็นหลัก จึงคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากคนรุ่นก่อน ผู้บริหารบางรายถึงกับตั้งข้อสงสัยเรื่องวินัย เช่น เจมี ไดมอน ซีอีโอ JPMorgan ที่เปรียบเปรยว่า ตนทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ แต่แทบไม่เห็นคนรุ่นใหม่โผล่มาที่ออฟฟิศ ขณะที่ลอร์ด อลัน ชูการ์ มหาเศรษฐีอังกฤษ ก็พูดตรง ๆ ว่าคนหนุ่มสาวควรเลิกหมกตัวอยู่บ้านและกลับมาทำงานร่วมกัน

 

แต่ในอีกมุมหนึ่ง ผลสำรวจของ JLL ที่สอบถามพนักงานกว่า 12,000 คนทั่วโลกกลับพบว่า Gen Z มีแนวโน้มเข้ามาออฟฟิศเฉลี่ยสัปดาห์ละ 3 วัน ซึ่งมากกว่าคนรุ่นอื่น ๆ และบอกว่าพวกเขาเองก็ต้องการปฏิสัมพันธ์ตัวต่อตัวจริง ๆ เพียงแต่เมื่อรุ่นพี่เลือกทำงานทางไกล พวกเขาจึงกลายเป็นกลุ่มหลักที่ครองบรรยากาศในออฟฟิศ นำไปสู่การสร้างวัฒนธรรมเฉพาะตัว ตั้งแต่ “Gen Z stare” ไปจนถึงแฟชั่น “office siren” และวัฒนธรรมจาก TikTok ที่แพร่เข้าสู่วงการทำงาน

 

แดน ชวาเบล จาก Workplace Intelligence มองว่า นี่คือการปรับบรรทัดฐานใหม่ของที่ทำงาน โดยคนรุ่น Z แสดงให้เห็นถึงความคล่องตัวด้านดิจิทัล การยึดมั่นในคุณค่า และการแสวงหาความจริงใจ

 

เมื่อผู้ใหญ่จำนวนมากไม่ค่อยเข้าออฟฟิศ การพูดคุยหรือคำปรึกษาที่เคยมีจึงลดลง คนรุ่นใหม่ต้องหาทางสร้างเครือข่ายเอง เช่น เหวยหรง หลี่ วัย 25 ปี ที่เลือกมาทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์ แม้เจอว่าส่วนใหญ่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น เธอจึงต้องใช้วิธีติดต่อคนอาวุโสผ่าน LinkedIn หรืออีเมลโดยตรง ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างสัมพันธ์

 

สำหรับ Gen Z ออฟฟิศไม่ใช่พื้นที่ที่ต้องเคร่งครัดเสมอไป แต่เป็นเวทีให้แสดงความเป็นตัวตน มาดี แลนนี วัย 27 ปี เล่าว่า เธอแต่งตัวสบาย ๆ ใส่รองเท้าผ้าใบแทนรองเท้าส้นสูง และนั่งทำงานบนบีนแบ็กได้อย่างเป็นธรรมชาติ วัฒนธรรมแบบนี้สะท้อนคุณค่าที่รุ่น Z ให้ความสำคัญกับการเป็นตัวเองอย่างแท้จริง

 

สุขภาพจิตเป็นเรื่องใหญ่

 

เรื่องที่เคยถูกมองข้ามอย่างสุขภาพจิต กลับเป็นหัวใจหลักของเจน Z ผลวิจัยจาก EY พบว่ากว่าครึ่งของคนวัย 18–34 ปีให้ความสำคัญกับสุขภาพกายและใจมากกว่าความมั่งคั่งหรือความก้าวหน้าในหน้าที่ หลี่กล่าวเสริมว่า หลังโควิด ความรู้สึกปลอดภัยทางจิตใจสำคัญยิ่ง เพราะช่วยให้คนรุ่นใหม่กล้าแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติในที่ทำงาน

 

AI เป็นคู่หูการทำงาน

 

อีกหนึ่งความแตกต่างคือทักษะการใช้ Generative AI ข้อมูลจาก Deloitte ชี้ว่า 57% ของ Gen Z ใช้ AI เป็นประจำ ไม่ว่าจะสร้างคอนเทนต์ วิเคราะห์ข้อมูล หรือจัดการงานโครงการ เกรซี ลิซซิค วัย 25 ปี ระบุว่า นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่คนรุ่นใหม่สามารถผลักดันให้ทีมใช้ AI อย่างจริงจังได้ สำหรับพวกเขา AI ไม่ใช่เพียงเครื่องมือ แต่คือโค้ชดิจิทัลที่พร้อมช่วยเหลือตลอดเวลา

 

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด ฟูแล่ม พบ คริสตัล พาเลซ พรีเมียร์ลีก วันนี้ 7 ธ.ค.68