สิงคโปร์จัดทัพเศรษฐกิจใหม่! ชู "การสร้างงาน" รับมือภัยคุกคาม AI
สิงคโปร์ไม่กลัว AI! "ลอว์เรนซ์ หว่อง" ชูวิสัยทัศน์ใหม่ พลิกวิกฤตเป็นโอกาส อัดฉีดงบ-ปั้นทักษะแรงงาน รับมือโลกยุคปัญญาประดิษฐ์
ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่ผันผวนและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน นายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ได้ประกาศจุดยืนชัดเจน
โดยชูประเด็น "การสร้างงานให้พลเมือง" เป็นวาระเร่งด่วนที่สุด เพื่อนำพาสิงคโปร์รับมือกับความท้าทายจากกำแพงภาษีการค้าโลก และการปฏิวัติทางเทคโนโลยีของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตามรายงานจาก Bloomberg
นายหว่องกล่าวถ้อยแถลงนี้ในโอกาสการปราศรัยประจำปีเนื่องในวันชาติสิงคโปร์ (National Day Rally) เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 60 ปีของประเทศ
โดยนายกฯ สิงคโปร์ได้ฉายภาพความท้าทายสำคัญที่รออยู่เบื้องหน้า ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจสหรัฐฯ-จีน, สงครามการค้าและกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตลอดจนผลกระทบของเทคโนโลยีใหม่ต่อตลาดแรงงาน
"บทต่อไปของสิงคโปร์กำลังเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและปั่นป่วน" นายหว่องกล่าว
สุนทรพจน์ครั้งนี้ถือเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ครั้งสำคัญครั้งแรกของเขา นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการหลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม
ซึ่งพรรคกิจประชาชน (PAP) ยังคงสืบทอดอำนาจบริหารประเทศยาวนานกว่า 6 ทศวรรษ
นายหว่องได้ตอกย้ำถึงแผนการหลักของรัฐบาลที่จะมุ่งเน้นการเสริมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ, ขยายโครงข่ายสวัสดิการสังคมให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น และเดินหน้าโครงการพัฒนาเมืองและที่อยู่อาศัยใหม่
"หัวใจสำคัญของยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของเราคือเรื่อง งาน งาน และงาน นี่คือภารกิจอันดับหนึ่งของเรา เราจะทุ่มเททำทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้คนสิงคโปร์สามารถไขว่คว้าโอกาสงานใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นได้" นายหว่องย้ำ
สำหรับความท้าทายจาก AI รัฐบาลสิงคโปร์จะเดินหน้าสนับสนุนให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) สามารถนำ AI มาปรับใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ จะมีการริเริ่มโครงการจับคู่งานรูปแบบใหม่ รวมถึงโครงการฝึกงานที่รัฐบาลให้เงินสนับสนุนสำหรับบัณฑิตจบใหม่โดยเฉพาะ
เมื่อมองไปในระยะยาว นายหว่องระบุว่ารัฐบาลจำเป็นต้องทบทวนและวาง "พิมพ์เขียวเศรษฐกิจฉบับใหม่" เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องชั่วคราว
แต่เป็นสภาวะที่จะคงอยู่ต่อไป ซึ่งพิมพ์เขียวฉบับใหม่นี้จะมุ่งเน้นไปที่การรักษาความสามารถในการแข่งขัน, การเข้าถึงแหล่งพลังงานสะอาด และการผลักดันให้บริษัทสิงคโปร์บุกตลาดใหม่ๆ ในเวทีโลก
"เราต้องการพิมพ์เขียวเศรษฐกิจฉบับใหม่ เพื่อเป็นหลักประกันอนาคตของสิงคโปร์ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง"
ทั้งนี้ การส่งสัญญาณเชิงรุกของนายกฯ หว่องมีขึ้นหลังจากที่สัปดาห์ก่อน สิงคโปร์เพิ่งปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของ GDP ในปีนี้เป็น 1.5%−2.5%
จากเดิมที่คาดการณ์ไว้เพียง 0%−2% หลังตัวเลขเศรษฐกิจครึ่งปีแรกออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นผลบวกจากการที่ภาคธุรกิจเร่งนำเข้าสินค้าก่อนมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐฯ และความกังวลด้านการค้าโลกที่เริ่มคลี่คลายลง


