เจาะลึก 6 ฟีเจอร์สุดจึ้ง! GPT-5 โมเดลใหม่แกะกล่อง ChatGPT
เจาะลึก 6 ฟีเจอร์สุดจึ้ง! GPT-5 โมเดลใหม่แกะกล่อง ChatGPT ตั้งแต่การปรับแต่ง UI, โหมดเสียงขั้นสูง, และการเชื่อมต่อกับบริการของ Google อย่างเต็มรูปแบบ
OpenAI บริษัทผู้สร้าง ChatGPT ที่เราคุ้นเคยกันดี ได้ประกาศเปิดตัวอัปเดตครั้งประวัติศาสตร์
ที่ไม่ใช่แค่การปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆ แต่เป็นการ "ยกเครื่องใหม่" ทั้งระบบ พร้อมกับการมาถึงของโมเดล AI ที่ทุกคนจับตามองอย่าง GPT-5
งานนี้บอกเลยว่าไม่ใช่แค่ฉลาดขึ้น แต่ประสบการณ์การใช้งานของเราทุกคนกำลังจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง Posttoday ชวนเจาะลึกกันทีละข้อว่าโมเดลใหม่ ChatGPT อย่าง GPT-5 จะมีอะไรใหม่ชวนว้าวบ้าง
1. ไม่ต้องปวดหัวเลือกโมเดล
จากนี้ไป เราไม่ต้องมานั่งงงว่าจะเลือกใช้โมเดลไหนดี (Model Picker) เพราะเมื่อ GPT-5 พร้อมใช้งาน OpenAI จะยกเลิกหน้าต่างสำหรับเลือกโมเดล (Model Picker) และปลดระวางโมเดลรุ่นเก่าหลายตัว เช่น GPT-4o, GPT-4.1 และ GPT-4.5
จากนี้ไป ChatGPT จะมี GPT-5 เป็นตัวยืนพื้น และจะใช้ "ระบบเลือกโมเดลให้อัตโนมัติ" ที่รวมเอาจุดเด่นของรุ่นเก่าๆ มาไว้ในที่เดียว กลายเป็นโมเดลที่เก่งและไวกว่าเดิม ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลามานั่งเลือกสลับโมเดลให้วุ่นวายอีกต่อไป
ส่วนสายเปย์ที่เป็นสมาชิกแบบเสียเงินก็ไม่ต้องน้อยใจไป ยังมี Option ให้เลือกสลับไปใช้โมเดลขั้นสูงอย่าง GPT-5 Thinking และ GPT-Thinking Pro สำหรับงานที่ต้องการพลังประมวลผลสูงสุดได้เหมือนเดิม
2. ChatGPT มี 'บุคลิก' เป็นของตัวเอง
ต่อไปนี้การคุยกับ ChatGPT จะไม่น่าเบื่อหรือตอบแบบหุ่นยนต์เสมอไป เพราะ OpenAI เขาใส่ลูกเล่นใหม่ให้เราเลือก "บุคลิก" ของ AI ได้ถึง 4 แบบ 4 สไตล์
- Cynic (สายจิกกัด): ปากแจ๋วหน่อยๆ ชอบประชดประชัน แต่ถึงเวลาจริงจังก็ช่วยเต็มที่แบบตรงไปตรงมา
- Robot (พี่หุ่นยนต์): เน้นความเป๊ะ! สั่งอะไรได้แบบนั้น กระชับ ตรงประเด็น ไม่เยิ่นเย้อ
- Listener (เพื่อนรักนักฟัง): อบอุ่น ใจเย็น เป็นผู้ฟังที่ดี ช่วยจัดระเบียบความคิดของเราได้อย่างยอดเยี่ยม
- Nerd (หนอนหนังสือ): สายวิชาการตัวยง ชอบอธิบายเรื่องยากๆ ให้เป็นเรื่องง่ายด้วยความกระตือรือร้น
เรียกว่าอยากได้เพื่อนคู่คิดสไตล์ไหน ก็เลือกได้ตามใจชอบ แต่หากใครไม่ใช่แฟนแนวนี้ ก็ยังสามารถสลับกลับไปใช้สไตล์ "ค่าเริ่มต้น" (Default) ของ ChatGPT ได้ทุกเมื่อ
3. สาย Dev ได้เฮ! ChatGPT เขียนโค้ดเก่งขึ้น
สำหรับพี่น้องสาย Dev หรือใครที่ฝันอยากสร้างแอปฯ สร้างเว็บเป็นของตัวเอง ฟีเจอร์ Vibe Coding หรือการสั่งให้ AI เขียนโค้ดด้วยภาษาคนธรรมดาๆ ตอนนี้เก่งขึ้นแบบก้าวกระโดดบน GPT-5
เพราะสามารถเข้าใจคำสั่งที่ซับซ้อนมากๆ และสร้างผลงานให้เราดูและทดลองใช้ได้ทันทีในหน้าต่าง Canvas เลยทีเดียว
4. ChatGPT เปลี่ยน "สี" แบบคัสตอมได้
GPT-5 เอาใจสายคัสตอม ตอนนี้เราสามารถปรับแต่งหน้าตาของ ChatGPT เปลี่ยน "สี" ของส่วนประกอบต่างๆ (Accent Color) ได้แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นกรอบข้อความ, ปุ่มกด หรือไฮไลต์ต่างๆ ทำให้หน้าตาโปรแกรมไม่ซ้ำซากจำเจอีกต่อไป
วิธีการตั้งค่าบนเวอร์ชันเว็บ ให้คลิกที่ไอคอนโปรไฟล์ เลือก Settings > General จากนั้นเลือกสีที่ต้องการจากเมนู Accent Color
สำหรับบนมือถือ ให้แตะที่รูปโปรไฟล์ ไปที่ Personalization และแตะที่ Color Scheme
5. โหมดเสียงที่คุยเก่งเหมือนมนุษย์ (และปรับเสียงได้!)
โหมดเสียง (Voice Mode) ที่เคยทำให้หลายคนทึ่งในความเป็นธรรมชาติ กำลังจะได้รับการอัปเกรดให้ฉลาดยิ่งขึ้นไปอีกสำหรับผู้ใช้แบบเสียเงิน
ซึ่งจะทำให้ ChatGPT เข้าใจคำสั่งได้ดีขึ้น และยังเปิดให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งสไตล์การพูดของ AI ได้อีกด้วย
และข่าวดีคือ ผู้ใช้ฟรีก็จะได้รับโควต้าการใช้งานโหมดเสียง (Voice Mode) ที่นานขึ้น "อีกหลายชั่วโมง" เลยทีเดียว
6. ChatGPT เชื่อมต่อ Gmail และ Google Calendar แล้ว
และสุดท้าย...ฟีเจอร์ที่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับชีวิตประจำวันของทุกคนมากที่สุด! ChatGPT เชื่อมต่อ Gmail และ Google Calendar ได้แล้ว
ลองนึกภาพตามว่า แค่เราพิมพ์คำสั่ง "พรุ่งนี้ฉันมีนัดอะไรบ้าง" ChatGPT ก็จะขอเชื่อมต่อกับบัญชี Google ของเราและดึงข้อมูลจากปฏิทินและ Gmail มาสรุปให้ทันที
ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนตารางงาน หรือช่วยเตือนอีเมลสำคัญที่อาจตกหล่นไป เปรียบเสมือนเรามีผู้ช่วยส่วนตัวที่ฉลาดสุดๆ อยู่ข้างกายตลอดเวลา
โดยฟีเจอร์นี้จะเริ่มเปิดให้ผู้ใช้ระดับ Pro ได้ลองใช้กันก่อนในสัปดาห์หน้า และจะทยอยเปิดให้ผู้ใช้ทุกระดับได้ใช้งานในเร็วๆ นี้


