AI Action Plan เมื่อ AI กลายเป็นยุทธศาสตร์หลักของประเทศ

หนึ่งในสิ่งที่หลายประเทศเห็นตรงกันคือ ปัจจุบัน AI กลายเป็นเทคโนโลยีที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ หลายประเทศเริ่มให้ความสำคัญและหันมาทุ่มงบประมาณกับทรัพยากรเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อการแข่งขันในการขึ้นสู่การเป็นเจ้าตลาด AI ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการพลิกโฉมโลกนับจากนี้

 

นี่เป็นเหตุผลให้หลายประเทศทั่วโลกต่างมุ่งหน้าพัฒนา AI กันอย่างพร้อมเพรียง

 

 

AI Action Plan ก้าวใหม่ของปัญญาประดิษฐ์สหรัฐฯ

 

หนึ่งในประเทศที่ให้ความสนใจและขยับตัวในเรื่องนี้คือ สหรัฐฯ กับการประกาศเปิดตัว AI Action Plan หรือ แผนยุทธศาสตร์ปัญญาประดิษฐ์ โดยเป็นการปรับจากแผนฉบับเก่าสมัยไบเดน เพื่อเป็นแนวทางนโยบายที่ยกเลิกข้อจำกัดและข้อกำหนดในด้านต่างๆ ที่จะเป็นอุปสรรคในการพัฒนาและแข่งขันด้าน AI

 

แนวทางนโยบายมีการเน้นหนักใน 3 ด้าน เริ่มจากเร่งพัฒนานวัตกรรม เน้นลดกฎระเบียบและข้อจำกัดที่ขัดขวางการพัฒนา AI เพื่อให้เอกชนสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น โดยเน้นการปรับแต่งโมเดลให้มีเสรีภาพในการพูด ยกเลิกนโยบาย DEI ใน AI ส่งเสริมการใช้งานทั้งในภาครัฐและเอกชน รวมถึงการใช้งานในระดับอุตสาหกรรมต่างๆ

 

อันดับถัดมาคือ การจัดสร้างโครงสร้างพื้นฐานรองรับ เร่งอนุมัติจัดสร้าง Data centers และโรงงานผลิตชิปภายในประเทศ ลดข้อกำหนดด้านกฎหมายและสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เกิดการล่าช้า พร้อมขยายโครงข่ายไฟฟ้าและพลังงาน เพื่อนำมารองรับการใช้พลังงานที่มากขึ้น เช่น โครงการ Stargate Project กับแผนลงทุนมูลค่ากว่า 5 แสนล้านดอลลาร์

 

ตบท้ายด้วยด้านการต่างประเทศและความมั่นคง โดยเน้นการส่งเสริมเทคโนโลยี AI และชิปออกสู่ประเทศพันธมิตรอย่างกรณีของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่จำกัดการเข้าถึงของประเทศคู่แข่ง เช่น จีน อย่างเข้มงวด โดยให้ขายเพียงชิปที่มีประสิทธิภาพต่ำสุด พร้อมใช้งานเป็นเครื่องทางการทูตและจัดตั้งพันธมิตร AI ในระดับโลกต่อไป

 

เห็นได้ชัดว่าแผนพัฒนา AI Action Plan ถูกออกแบบให้เป็นคันเร่งสำหรับการพัฒนา AI โดยเฉพาะ ไม่เน้นการดูแล ควบคุม หรือมองหาข้อกำหนดอีกต่อไป ซึ่งจะช่วยเร่งอัตราการพัฒนาเทคโนโลยีให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ชวนให้ตั้งคำถามในด้านสิ่งแวดล้อมและปัญหาภาคส่วนอื่นเพิ่มเติม

 

 

Next‑Gen AI Development Plan ของจีน

 

สำหรับประเทศจีนแนวนโยบายจาก Next‑Gen AI Development Plan ในปี 2017 ที่วางไว้เพื่อผลักดันให้จีนมีความก้าวหน้าด้าน AI ในปี 2020 บรรลุเป้าหมายในการคิดค้นนวัตกรรมในปี 2025 และเตรียมพร้อมมุ่งสู่งความเป็นผู้นำและศูนย์กลางด้าน AI โลกภายในปี 2030

 

ในช่วงที่ผ่านมาเราเห็นความสำเร็จจากบริษัทเทคโนโลยีจีนในการพัฒนา AI มากมาย ทั้งจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Huawei, Alibaba และ Bytedance หรือจะเป็นการมาถึงของนวัตกรรมใหม่อย่าง Deepseek หรือ Manus ที่ต่างเข้ามามีบทบาทในการพลิกโฉมโลกทั้งสิ้น

 

ปัจจุบันจีนเริ่มเข้ามามีบทบาทในการกำกับดูแล AI มากขึ้น มีแนวคิดในการจัดตั้งองค์กรควบคุม AI ระดับโลก โดยเน้นการเปิดให้เข้าถึงโมเดลและเทคโนโลยีส่วนใหญ่ในฐานะโอเพนซอร์ส เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าถึงและพัฒนาต่อยอดจากภาคส่วนต่างๆ จึงถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด

 

ล่าสุดจีนเริ่มนำ AI เข้ามาปรับใช้ร่วมผลักดันเทคโนโลยีหุ่นยนต์ humanoid ในหลายภาคส่วน ตั้งแต่ในโรงพยาบาล ร้านค้า การขนส่ง ไปจนงานบริการต่างๆ มีการจัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์และกิจกรรมร่วมกับหุ่นยนต์อย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของอุตสาหกรรมไปจนกีฬา จัดเป็นแนวทางที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลก

 

 

InvestAI ก้าวสำคัญของ EU

 

ในส่วนสหภาพยุโรปเองก็ได้มีการประกาศโครงการ InvestAI ออกมาเช่นกัน โดยเป็นแผนการลงทนด้าน AI มูลค่ากว่า 2 แสนล้านยูโร มีเป้าหมายสำคัญในการจัดสวร้างศูนย์ Data centers ขนาดใหญ่สำหรับประมวล AI ภายในทวีป เพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานรองรับการพัฒนา AI

 

แผนการจัดสร้างศูนย์ Data centers ในสหภาพยุโรปมีมากกว่า 13 แห่ง พร้อมกับการเป็นศูนย์รวมทาง AI ขนาดใหญ่ที่จะมีบริการประมวลผลให้สตาร์อัพหรือศูนย์วิจัยขนาดเล็กสามารถเข้าถึงระบบ AI ประสิทธิภาพสูงได้ พร้อมออกกฎหมายสนับสนุนเน้นให้มีการพัฒนา AI อย่างยั่งยืน

 

จุดหมายสำคัญของแผนการ InvestAI นี้คือ การสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ให้แก่ยุโรปอย่างเปิดกว้าง ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างชาติ พร้อมเพิ่มโอกาสแข่งขันให้กับสตาร์ทอัพ, SMEs และสถาบันวิจัยขนาดเล็ก ให้สามารถแข่งขันกับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ เพื่อความมั่นคงของรากฐานในการพัฒนา AI ต่อไป

 

Thailand’s National AI Strategy and Action Plan ก้าวแรกของไทย

 

สำหรับประเทศไทยท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด คณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ได้มีการอนุมัติงบประมาณช่วงปี 2026 – 2027 เป็นงบการลงทุนมูลค่ากว่า 2.5 หมื่นล้านบาท

 

งบประมาณจะถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วน ทั้งสำหรับการพัฒนากำลังคนบุคลากรเพื่อรองรับการใช้งาน AI, เร่งจัดตั้งศูนย์ Data centers ภายในประเทศ ไปจนการก่อตั้ง National Data Bank เปิดให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าถึงข้อมูลจำนวนมากเพื่อนำไปใช้พัฒนา AI ได้

 

นอกจากการลงทุนจากภาครัฐยังมีการดึงผู้ร่วมลงทุนจากต่างประเทศที่ให้ความสนใจจำนวนมาก เช่น AWS, Google, Microsoft, Tiktok และ ByteDance ที่กำลังจัดตั้งศูนย์ Data centers เพื่อจัดวางโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ภายในประเทศด้วยเช่นกัน

 

ในส่วนการใช้งานคาดว่าจะสามารถนำ AI เข้าไปส่งเสริมในหลายภาคส่วน ทั้งด้านสาธารณสุขจากความร่วมมือกับ Google ภาคการเกษตร ไปจนภาครัฐ พร้อมพัฒนาบุคลากรในประเทศให้มีความรู้ความเข้าใจด้าน AI โดยตั้งเป้าฝึกบุคลากรในสาขาอยู่ที่ 50,000 คนภายในปี 2030

 

 

 

 

ที่มา

 

https://www.ft.com/content/28a6be8f-5bf2-4a2a-b55a-4637764211ed

 

https://timesofindia.indiatimes.com/technology/tech-news/china-says-ai-risks-becoming-exclusive-game-as-beijing-proposes-global-body/articleshow/122958270.cms

 

https://data-en-maatschappij.ai/en/publications/europese-commissie-invest-ai

 

https://www.globaldatacenterhub.com/p/can-europes-200-billion-ai-cluster

 

https://www.bangkokpost.com/business/general/3078438/b25-billion-approved-for-ai-development

 

https://www.bangkokbiznews.com/world/1190994

 

https://www.posttoday.com/ai-today/727994