ฮีเลียม-3 ขุมทรัพย์บนดวงจันทร์ ที่พร้อมส่งกลับโลกในปี 2029
ดวงจันทร์กลายเป็นสมรภูมิใหม่ของการแข่งขันด้านพลังงาน เมื่อฮีเลียม-3 จุดประกายความหวังด้านนิวเคลียร์ฟิวชันสะอาดและกลายเป็นเป้าหมายของทุกประเทศ
KEY
POINTS
- ฮีเลียม-3 เป็นไอโซโทปหายากบนโลกแต่มีปริมาณมหาศาลบนดวงจันทร์ และถูกมองว่าเป็นแหล่งพลังงานสะอาดสำหรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิวชันในอนาคต
- บริษัท Interlune ของสหรัฐฯ กำลังพัฒนาหุ่นยนต์ขุดเจาะอัตโนมัติเพื่อสกัดฮีเลียม-3 บนดวงจันทร์ โดยตั้งเป้าหมายจะเริ่มส่งกลับมายังโลกภายในปี 2029
- โครงการนี้ได้จุดประกายการแข่งขันทางอวกาศครั้งใหม่ โดยมีหลายประเทศมหาอำนาจ เช่น จีน รัสเซีย อินเดีย และญี่ปุ่น ต่างมุ่งหน้าสู่ดวงจันทร์เพื่อแสวงหาทรัพยากรเช่นกัน
ดวงจันทร์ กลับมาอยู่ในความสนใจจนกลายเป็นหมุดหมายสำคัญของทั่วโลกอีกครั้ง จากการขยายตัวของเทคโนโลยีอวกาศอย่างกว้างขวาง รวมถึงการมุ่งหน้าสู่อวกาศที่ไม่ได้มีจุดหมายเพียงเพื่อสำรวจหรือแสดงแสงยานุภาพ แต่เพื่อเก็บเกี่ยวทรัพยากรกลับมาใช้งานบนพื้นโลกเต็มตัว
แต่ก่อนอื่นคงต้องพูดถึงคุณสมบัติและความสำคัญของ ฮีเลียม-3 กันเสียหน่อย
ฮีเลียม-3 พลังงานและขุมทรัพย์ที่ทั่วโลกจับตามอง
ฮีเลียม-3 หรือ Helium-3 คือไอโซโทปของฮีเลียมชนิดหนึ่ง ประกอบไปด้วยโปรตอน 2 ตัว และนิวตรอน 1 ตัว แตกต่างจากฮีเลียมที่พบได้ทั่วไปบนโลกซึ่งเป็นฮีเลียม-4 ด้วยจุดเด่นในด้านความเสถียรของไอโซโทป ทำให้เมื่อเกิดการสลายตัวจะไม่ก่อให้เกิดรังสีหรือกากตกค้างแบบธาตุกัมมันตรังสีทั่วไป จึงกลายเป็นธาตุที่สามารถนำมาใช้งานในหลายด้าน
ฮีเลียม-3 ถูกมองว่าจะเป็นธาตุหลักที่ถูกนำมาใช้ในกระบวนการนิวเคลียร์ฟิวชัน เมื่อนำมารวมกับดิวทีเรียม(deuterium) สร้างพลังงานมหาศาลโดยไม่ก่อให้เกิดนิวตรอนตกค้าง คายออกมาเพียงฮีเลียม-4 หรือ ฮีเลียมทั่วไปออกมาเท่านั้น ทำให้ตลอดกระบวนการจะไม่มีของเสียหรือกากกัมมันตรังสีตกค้างเลย
ด้วยเหตุนี้ฮีเลียม-3 จึงเป็นเชื้อเพลิงสำหรับนิวเคลียร์ฟิวชันที่มีความปลอดภัยสูงมาก ไม่ก่อให้เกิดปัญหาด้านของเสียหรือผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมเลย โดยคาดว่าฮีเลียม-3 เพียง 25 ตันก็สามารถสร้างพลังงานมากพอในการหล่อเลี้ยงสหรัฐฯทั้งประเทศยาวนานเป็นเวลา 1 ปี
อย่างไรก็ตามบนโลกมีปริมาณฮีเลียม-3 สะสมไม่มากนักเนื่องจากเป็นไอโซโทปที่ก่อตัวขึ้นมาเองได้ยากมาก ทั่วโลกจะผลิตได้เพียงไม่กี่กิโลกรัมต่อปี ส่วนที่เหลือซึ่งมาจากดวงอาทิตย์และพายุสุริยะจะถูกชั้นบรรยากาศกั้นไว้ ในขณะที่ดวงจันทร์ไม่มีชั้นบรรยากาศป้องกัน จึงคาดว่ามีฮีเลียม-3 สะสมกว่า 1.1 ล้านตัน
นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้หลายประเทศต่างมุ่งเป้าสู่ดวงจันทร์
โครงการขุดดวงจันทร์พร้อมนำฮีเลียมกลับมาในปี 2029
ผลงานนี้เป็นของบริษัทสตาร์ทอัพ Interlune ร่วมกับ Vermeer ของสหรัฐฯ เพื่อพัฒนาหุ่นยนต์สำหรับการขุดดินบนดวงจันทร์ที่สามารถทำงานได้เองโดยอัตโนมัติ เพื่อนำมาสกัดหาฮีเลียม-3 ภายในตัวหุ่น จากนั้นจึงส่งเฉพาะ ฮีเลียม-3 กลับมาบนพื้นโลก โดยคาดว่าจะเริ่มส่งกลับมาได้ภายในปี 2029
ตัวหุ่นต้นแบบมีลักษณะใกล้เคียงกับรถเครนขนาดใหญ่ มีกำลังการขุดสูงสุดอยู่ที่ 100 ตัน/ชั่วโมง จากนั้นจะเริ่มกระบวนการคัดแยกฝุ่นละออง แล้วสกัดฮีเลียม-3 ออกมาจากดินบนดวงจันทร์ โดยอาศัยการหมุนเหวี่ยงและควบแน่นจากอุณหภูมิเย็นจัดในอวกาศ เพื่อคัดแยกเฉพาะฮีเลียม-3 ออกมา
จุดเด่นสำคัญของกระบวนการคัดแยกของ Interluine คือ ใช้พลังงานน้อยกว่าการคัดแยกทั่วไปบนพื้นโลก ที่ต้องคอยรักษาระดับอุณหภูมิ 700 – 900 องศาเซลเซียสนับ 10 เท่า ทำให้การคัดแยกไม่ต้องลงทุนจัดสร้างโคตรงสร้างเตาขนาดใหญ่บนดวงจันทร์ ช่วยลดความยุ่งยากและต้นทุนด้านการจัดสร้างโครงสร้างพื้นฐานรองรับลงมาก
หลังกระบวนการสกัดและคัดแยกฮีเลียม-3 นี้เสร็จสิ้น หุ่นยนต์จะทำการคืนดินกลับสู่พื้นผิวดวงจันทร์แล้วมุ่งหน้าขุดในตำแหน่งถัดไป จึงสามารถจัดส่งเฉพาะธาตุที่เป็นเชื้อเพลิงมาบนโลกได้โดยตรง เป็นเหตุผลให้ปัจจุบัน Interlune ลงนามข้อตกลงการค้าฮีเลียม-3 ไปแล้ว 2 ฉบับ ร่วมกับ กระทรวงพลังงานสหรัฐ(DOE) และบริษัทเทคโนโลยี Maybell Quantum
โดยพวกเขาคาดว่าจะเริ่มสกัดและส่งฮีเลียม-3 กลับมาสู่โลกในปี 2029 และจะเริ่มการขุดเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงต้นทศวรรษ 2030
ถนนทุกสายมุ่งหน้าสู่ดวงจันทร์
จริงอยู่ดวงจันทร์ได้รับการคุ้มครองจากฎหมายระหว่างประเทศตั้งแต่ยุคสงครามเย็น ทั้ง Outer Space Treaty ที่ห้ามประกาศอธิปไตย ครอบครอง หรือจัดตั้งกำลังทหารบนดวงจันทร์ รวมถึง Moon Treaty ที่เสนอให้ดวงจันทร์เป็นทรัพยากรร่วม แต่กลับไม่ได้รับความร่วมมือนักจากบรรดามหาอำนาจทั้งสหรัฐฯ รัสเซีย และจีน
ตามที่กล่าวไปข้างต้นทุกประเทศต่างมุ่งความสนใจไปยังดวงจันทร์ด้วยเหตุผลด้านทรัพยากร เมื่อสหรัฐฯมุ่งหน้าพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับเก็บเกี่ยวฮีเลียม-3 จากดวงจันทร์ ประเทศอื่นย่อมไม่อยู่เฉย เห็นได้จากความพยายามของหลายชาติที่ไม่เคยเป็นผู้นำด้านอวกาศที่มุ่งสู่อวกาศอย่างพร้อมเพรียง
อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่แสดงความสนใจในการสำรวจดวงจันทร์อย่างกระตือรือร้น แม้จะประสบปัญหาไปบ้างแต่ล่าสุดยาน Chandrayaan-3 ก็ประสบความสำเร็จในการลงจอดบนดวงจันทร์ พร้อมสามารถลงจอดลงบนขั้วใต้ดวงจันทร์ แหล่งสะสมทรัพยากรสำคัญบนดวงจันทร์ได้สำเร็จเป็นลำแรกของโลก
ญี่ปุ่นเองก็ไม่น้อยหน้าพวกเขามุ่งพัฒนารถขุดไฟฟ้าเต็มรูปแบบเพื่อเก็บเกี่ยวทรัพยากรจากดวงจันทร์ พร้อมนำเครื่องต้นแบบขนาดเล็กที่พัฒนาขึ้นมาจัดแสดงในงาน CES 2025 ตัวหุ่นถูกออกแบบให้ทนทานสภาพแวดล้อมนอกโลก พร้อมแผนในการจัดสร้างเหมืองบนดวงจันทร์เต็มรูปแบบในอนาคต
สำหรับจีนและรัสเซียมีโครงการร่วมมือกันในระยะยาว ในการสร้างสถานีวิจัยร่วม International Lunar Research Station (ILRS) เพื่อสำรวจทรัพยากรอย่างฮีเลียม-3 โดยตั้งเป้าในการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ภายในพื้นที่ เพื่อเก็บเกี่ยวและป้องกันไม่ให้สหรัฐฯไปผูกขาด จึงหลีกเลี่ยงข้อตกลงทางอวกาศทุกชนิด และดำเนินนโยบายทางอวกาศอย่างเอกเทศ
ทำให้ปัจจุบันอวกาศและดวงจันทร์กำลังกลายเป็นสนามประลองกำลังครั้งใหม่ของนานาประเทศอย่างเต็มตัว
ดูผิวเผินสภาพในตอนนี้ใกล้เคียงกับสงครามเย็น เมื่อนานาประเทศมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศเพื่อแข่งขันกันอีกครั้ง แต่คราวนี้ดวงจันทร์กำลังเป็นจุดหมายสำคัญในการช่วงชิงทางยุทธศาสตร์ เพื่อความมั่นคงทางพลังงานและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี อีกทั้งยังพร้อมด้วยผู้เล่นหน้าใหม่ที่เข้ามาลงสนามอีกมาก
ที่มา
https://electrek.co/2025/05/24/heavy-equipment-space-race-heats-up-with-new-vermeer-lunar-excavator/


