inSpectra-o1 นวัตกรรม AI วิเคราะห์รอยร้าวอาคาร แค่สแกน-ถ่าย-ส่ง!
ทีมวิจัยวิศวะฯ ธรรมศาสตร์ พัฒนา "inSpectra-o1" เทคโนโลยี AI ตรวจสอบรอยร้าวอาคาร แค่สแกน-ถ่าย-ส่ง ระบบ AI ก็พร้อมวิเคราะห์ความเสี่ยงและประเมินผลให้ทันที
ทีมวิจัยคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผยเบื้องหลังการพัฒนา "inSpectra-o1" นวัตกรรม AI ตรวจสอบรอยร้าวโครงสร้างกับทีมข่าว Posttoday ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงเทคโนโลยีในห้องทดลอง
แต่ถูกส่งลงสนามจริงเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคม 2568 มาแล้ว จนกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยคลายความกังวลให้ประชาชนหลายชีวิต
พร้อมเปิดตัวเวอร์ชันสำหรับมืออาชีพที่หน่วยงานภาครัฐให้ความไว้วางใจนำไปใช้งานแล้ว
ทีมวิจัยจากห้องปฏิบัติการวิจัยเพื่อการบูรณาการเทคโนโลยีอัจฉริยะสำหรับโครงสร้างพื้นฐานและการเฝ้าระวัง (IIMRaS) คณะวิศวกรรมศาสตร์ มธ.
ซึ่งทำงานวิจัยพัฒนา AI มาอย่างยาวนาน เปิดเผยกับทีมข่าว Posttoday ว่า แรงผลักดันสำคัญในการเร่งปล่อย inSpectra-o1 เวอร์ชันแรก มาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา
"หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว มีประชาชนได้รับผลกระทบจำนวนมาก และเกิดภาวะวิศวกรขาดแคลน ไม่เพียงพอต่อความต้องการตรวจสอบอาคาร ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องอยู่กับความกังวล" หนึ่งในทีมวิจัยกล่าว
"ทางแล็บวิจัยของเราจึงเร่งปล่อย AI เวอร์ชันแรกออกมา เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยเหลือเร่งด่วน"
โดยเวอร์ชันสำหรับประชาชนถูกออกแบบให้ใช้งานง่ายที่สุด เพียงสแกน QR Code ผ่านโทรศัพท์มือถือ ก็จะเข้าสู่เว็บแอปพลิเคชัน
จากนั้นถ่ายรูปบริเวณที่สงสัยว่าเกิดความเสียหาย เช่น รอยร้าวบนผนังหรือเสา แล้วอัปโหลดเข้าสู่ระบบ AI จะทำการวิเคราะห์และประเมินความเสียหายเบื้องต้นทันที
"เป้าหมายหลักคือช่วยให้ประชาชนคลายความกังวลใจได้ในระดับหนึ่ง AI จะบอกได้ว่าความเสียหายนั้นจำเป็นต้องได้รับการซ่อมแซมเร่งด่วนหรือไม่
หรือเป็นเพียงรอยร้าวที่ไม่ส่งผลต่อโครงสร้าง สามารถรอวิศวกรเข้ามาตรวจสอบตามคิวได้ ซึ่งในช่วง 3 วันแรกหลังเกิดเหตุ มีผู้ใช้งานจำนวนมากเข้ามาใช้ระบบนี้"
นอกจากนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวยังช่วยให้เจ้าของบ้านประหยัดค่าใช้จ่ายในกรณีที่ความเสียหายไม่รุนแรง
โดยอาจเปลี่ยนจากการจ้างวิศวกรเป็นการจ้างช่างทั่วไปเพื่อซ่อมแซม เช่น การฉาบปูนปิดรอยร้าวเท่านั้น
ต่อยอดสู่เวอร์ชันโปรฯ เครื่องมือสำหรับวิศวกรและองค์กร
นอกเหนือจากเวอร์ชันสำหรับประชาชนทั่วไป ทีมวิจัยได้พัฒนา inSpectra-o1 ไปอีกขั้นสู่เวอร์ชันสมบูรณ์แบบสำหรับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ซึ่งเป็นมากกว่าการวิเคราะห์จากภาพถ่ายเดียว
"เวอร์ชันโปรฯ จะเป็นการเก็บข้อมูลอย่างละเอียดเพื่อนำไปสร้างเป็นแบบจำลอง 3 มิติ (3D Model) ของอาคารทั้งหลัง" ทีมวิจัยอธิบาย
"บนโมเดล 3 มิติ AI จะสามารถระบุตำแหน่งของความเสียหายทั้งหมดได้อย่างแม่นยำ บอกระดับความรุนแรง และสร้างเป็นรายงานเพื่อให้วิศวกรใช้ประเมินเชิงลึกและวางแผนการซ่อมบำรุงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ"
ปัจจุบัน เทคโนโลยีเวอร์ชันนี้ได้ถูกนำไปใช้งานจริงแล้วโดยหน่วยงานสำคัญ เช่น กรมทางหลวง และได้มีการเข้าเก็บข้อมูลอาคารของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ซึ่งเป็นการใช้งานในเชิงวิศวกรรมเพื่อการตรวจสอบอย่างละเอียด
สองแนวทางพัฒนาที่ชัดเจน และอนาคตบนแอปพลิเคชัน
ทีมวิจัยได้วางแนวทางการพัฒนา inSpectra-o1 ออกเป็น 2 สายผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน คือ:
- สำหรับประชาชนทั่วไป: เน้นการเข้าถึงง่ายผ่านเว็บเบราว์เซอร์ เพื่อการประเมินเบื้องต้นและลดความวิตกกังวล
- สำหรับหน่วยงานรัฐและเอกชน: เป็นซอฟต์แวร์ระดับองค์กรที่มีฟังก์ชันซับซ้อน สำหรับการตรวจสอบและจัดทำรายงานทางวิศวกรรมอย่างเป็นทางการ
"วิศวกรส่วนใหญ่คุ้นเคยกับซอฟต์แวร์บนคอมพิวเตอร์มากกว่าแอปพลิเคชันบนมือถือ ดังนั้นผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรจึงเน้นตอบโจทย์การทำงานในรูปแบบนั้น แต่เราก็มีแผนที่จะพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับติดตั้งบนสมาร์ทโฟนผ่าน Play Store หรือ App Store ในอนาคตอย่างแน่นอน"
ทั้งนี้ รศ.ดร.พรหมพัฒน ธัญสิริชัยศรี ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถือเป็นผู้อยู่เยื้องหลังการพัฒนา inSpectra-o1
โดยได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุน ววน.) ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมที่เกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาและช่วยเหลือสังคมในยามวิกฤต
ตอกย้ำศักยภาพของนักวิจัยไทยในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่สร้างผลกระทบเชิงบวกได้อย่างแท้จริง


