Apple ประกาศปิด Apple Store ในจีนเป็นครั้งแรก หลังกำลังซื้อซบเซา
Apple ประกาศปิด Apple Store ในจีนเป็นครั้งแรก ส่งสัญญาณปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ในตลาดจีนที่เคยรุ่งเรือง ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่วงการเทคโนโลยีต้องจับตา
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า Apple เตรียมปิดร้านค้าปลีกในประเทศจีนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งนับเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองในตลาดที่บริษัทผู้ผลิต iPhone รายนี้กำลังพยายามอย่างหนักเพื่อฟื้นฟูยอดขายที่ซบเซา
Apple ได้ประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า จะปิดสาขา ณ ห้างสรรพสินค้าพาร์คแลนด์มอลล์ (Parkland Mall) ในเขตจงซาน เมืองต้าเหลียน ในวันที่ 9 สิงหาคมนี้
โดย Apple ชี้แจงว่าการตัดสินใจดังกล่าวเป็นผลมาจาก "ภูมิทัศน์ทางธุรกิจของศูนย์การค้าที่เปลี่ยนแปลงไป" หลังพบว่ามีร้านค้าแบรนด์ดังหลายแห่งทยอยปิดตัวออกจากห้างไปก่อนหน้านี้
การปิดตัวครั้งนี้เกิดขึ้นในจังหวะที่จีนกำลังเผชิญมรสุม ทั้งจากภาวะเงินฝืด การใช้จ่ายในประเทศที่หดตัว และผลกระทบจากสงครามการค้าที่ทำให้ภาคการส่งออกซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ของประเทศอ่อนแอลง
โดยการเติบโตของยอดค้าปลีกล่าสุดต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และราคาบ้านในเดือนมิถุนายนยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง
สำหรับสาขาที่กำลังจะปิดตัวนี้เป็นหนึ่งในสองแห่งในเมืองต้าเหลียน โดยอีกสาขาหนึ่งที่ศูนย์การค้าโอลิมเปีย 66 (Olympia 66) จะยังคงเปิดให้บริการตามปกติ
โดยพนักงานจากสาขาที่ปิดจะได้รับโอกาสในการย้ายไปทำงานที่สาขาอื่น
แม้จะมีการปิดสาขา แต่ในภาพรวม Apple ยังคงพยายามอย่างหนักที่จะกลับมาเติบโตในตลาดจีนอีกครั้ง โดยยอดขายในประเทศจีนสำหรับไตรมาสที่สองซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 29 มีนาคม ลดลง 2.3% มาอยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.68 หมื่นล้านดอลลาร์
การปิดสาขาหนึ่งแห่ง ไม่ได้หมายความว่า Apple กำลังถอนทัพออกจากจีนเสียทีเดียว ในทางกลับกัน บริษัทยังคงเดินหน้าเปิดสาขาใหม่ในทำเลทอง เช่น ที่เมืองเซินเจิ้นซึ่งจะเปิดในเดือนสิงหาคมนี้
และมีแผนขยายสู่ตลาดปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้เพิ่มเติม สะท้อนให้เห็นถึงการปรับกลยุทธ์ที่เน้นเลือกเปิดในทำเลที่มีศักยภาพสูงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าภาพรวมการขยายสาขาของ Apple ได้ชะลอตัวลงนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 โดยบริษัทได้หันมาให้ความสำคัญกับการเปิดร้านค้าออนไลน์ในตลาดใหม่ ๆ เช่น อินเดียและซาอุดีอาระเบีย ควบคู่ไปกับการปรับปรุงหรือย้ายที่ตั้งของสาขาเดิมที่มีอยู่
ที่น่าสนใจคือ เทรนด์การ "เลือกและโฟกัส" นี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในจีน แต่เป็นกลยุทธ์ที่ Apple ใช้ทั่วโลก โดยบริษัทเริ่มชะลอการขยายสาขาใหม่ๆ แต่หันไปทุ่มเทกับการยกระดับสาขาเดิม, การบุกตลาดออนไลน์, และมีความพิถีพิถันในการต่อสัญญาเช่ามากขึ้น เห็นได้จากการประกาศปิดสาขาในอังกฤษ สหรัฐฯ และออสเตรเลียในเวลาไล่เลี่ยกัน
ทั้งนี้ Apple ไม่ใช่แบรนด์ใหญ่เพียงรายเดียวที่ถอนตัวออกจากพาร์คแลนด์มอลล์ในต้าเหลียน ก่อนหน้านี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของศูนย์การค้าได้เข้ามาควบคุมการดำเนินงานทั้งหมด
และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แบรนด์ชั้นนำอย่าง Coach, Sandro และ Hugo Boss ก็ไม่ได้ต่อสัญญาเช่าพื้นที่เช่นกัน ซึ่งตอกย้ำเหตุผลของ Apple ที่ว่าการตัดสินใจปิดสาขาเป็นผลมาจากสภาพแวดล้อมของศูนย์การค้าที่เปลี่ยนไป
ปัจจุบัน Apple มีร้านค้าประมาณ 56 แห่งในภูมิภาคจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และไต้หวัน (Greater China) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 10% ของจำนวนสาขาทั่วโลกกว่า 530 แห่ง


