Meta AI โมเดล AI ฟรีบนหลายแพลตฟอร์มที่อาจไม่ฟรีอย่างที่คิด
Meta AI แม้ให้ใช้ฟรี แต่เบื้องหลังอาจแลกด้วยข้อมูลส่วนตัวที่ละเอียดอ่อน เพื่อใช้สร้างรายได้ ผ่านโฆษณาและการชักจูงในการขายสินค้าอย่างแนบเนียน
KEY
POINTS
- Meta AI ใช้โมเดลธุรกิจเดียวกับ Facebook คือให้บริการฟรี แต่แลกกับการเก็บข้อมูลการใช้งานทั้งหมดของผู้ใช้เพื่อนำไปสร้างรายได้จากการโฆษณา
- ข้อมูลที่ถูกเก็บรวมถึงเนื้อหาการสนทนาที่ละเอียดอ่อนทั้งหมด ซึ่งผู้ใช้อาจควบคุมหรือจัดการความเป็นส่วนตัวได้ยากกว่า AI ของบริษัทอื่น
- ข้อมูลส่วนตัวที่ AI รวบรวมไว้อาจถูกนำมาใช้เพื่อเสนอขายสินค้าหรือบริการอย่างแนบเนียนผ่านการสนทนา ทำให้เกิดการชักจูงได้ง่าย
- มีความเสี่ยงที่ AI จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในการชักจูงความคิด ความเชื่อ หรือทัศนคติของผู้ใช้งาน นอกเหนือไปจากการโฆษณาสินค้า
ปัจจุบันโมเดล AI Chatbot ที่เปิดให้ใช้งานในท้องตลาดมีมากมาย หลายท่านอาจเลือกนำมาใช้ตามเนื้อหางาน ความถนัด หรือความชื่นชอบ ในจำนวนนั้น Meta AI ก็อาจได้รับการพูดถึงกันอยู่บ้าง แม้จะเปิดตัวช้ากว่าแต่ด้วยจุดเด่นการให้บริการฟรี ทั้งในส่วนการพูดคุย ภาพ เสียง จึงได้รับความนิยมอยู่ไม่น้อย
วันนี้เราจะมาเจาะลึกรายละเอียดของ Meta AI ที่ความจริงอาจไม่ได้ฟรีอย่างที่คิด
รูปแบบโมเดลธุรกิจของ Facebook
สำหรับท่านที่คุ้นเคยกับการใช้งานแพลตฟอร์มอย่าง Facebook ย่อมทราบดีว่า โซเชียลมีเดียที่ให้บริการฟรีแท้จริงไม่ได้ฟรีอย่างที่คิด เมื่ออันที่จริงข้อมูลการใช้งานแต่ละส่วน ทั้งสิ่งที่พูดถึง ความสนใจ หรือแม้แต่การกดไลค์แต่ละครั้ง ทั้งหมดล้วนเป็นข้อมูลที่ถูกนำไปใช้งานและสร้างรายได้แทบทั้งสิ้น
สิ่งนี้เราสามารถเห็นได้ในรูปแบบโฆษณาบน Facebook ที่มีการแสดงเนื้อหาที่ได้รับการโฆษณา บางส่วนก็แสดงข้อมูลสินค้าที่ตรงกับความต้องการของเราในช่วงเวลานั้นทั้งที่ยังไม่ได้พูดหรือพิมพ์อะไร สิ่งนี้เกิดจากข้อมูลผู้ใช้งานจำนวนมหาศาลที่ถูกเก็บรวบรวม ประมวลผล และปรับแต่งเนื้อหาโฆษณาให้เข้ากับผู้ใช้งานแต่ละคน
การขายโฆษณาบนแพลตฟอร์มและยิงโฆษณาให้ตรงกลุ่มลูกค้าจัดเป็นโมเดลธุรกิจหลักของ Meta สร้างรายได้ให้แก่บริษัทอย่างมหาศาล ทุกครั้งที่มีการใช้งานไปจนโพสต์ข้อมูลส่วนตัว นำไปสู่ปัญหาการติดตามและเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงลึกสำหรับระบุตัวตน ที่เสี่ยงต่อการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลในหลายด้าน
นำมาสู่คำถามว่าถ้าสิ่งที่เก็บข้อมูลเปลี่ยนจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเป็น AI ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
ปัญหาที่ตกทอดมาจาก Facebook สู่การเก็บข้อมูลผ่าน Meta AI
โดยพื้นฐาน Meta AI ได้รับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โมเดล AI ที่ใช้งานคือ Llama 4 ที่มีจุดเด่นในการตอบรับบริบทการสนทนาอย่างเป็นธรรมชาติ มีรูปแบบ UI ที่สวยงามทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงได้รับความสนใจเป็นวงกว้าง พร้อมสโลแกนโมเดลที่บอกว่า AI ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรู้จักผู้ใช้งาน
อย่างไรก็ตามเมื่อตรวจสอบรายละเอียดกลับพบว่า สโลแกนนี้น่ากลัวกว่าที่คิด ข้อมูลจาก Washington Post เปิดเผยว่า โมเดลจะทำการเก็บข้อมูลของเนื้อหาทั้งหมดไว้ นั่นหมายถึงข้อมูลทั้งหมด ตั้งแต่เนื้อหาสนทนา ภาพ เสียง ไปจนเนื้อหาที่มีความละเอียดอ่อนทุกรูปแบบจะถูกคัดลอกเพื่อนำไปใช้งานในลำดับต่อไป
จริงอยู่ AI Chatbot บริษัทอื่นทั้ง GPT, Gemini หรือ Claude ล้วนเก็บข้อมูลผู้ใช้งานเพื่อนำไปเทรนโมเดลทั้งสิ้น แต่เราสามารถเข้าไปแก้ไขจัดการควบคุมข้อมูลเหล่านั้นได้ไม่ยาก ในขณะที่ Facebook แพลตฟอร์มเลื่องชื่อของ Meta นั้น เป็นที่ทราบกันดีว่า การพยายามเข้าไปตั้งค่ารายละเอียดเชิงลึกเป็นเรื่องยุ่งยากซับซ้อนมาก
นั่นทำให้การควบคุมข้อมูลและความเป็นส่วนตัวบน Meta AI เป็นไปได้ยาก ซ้ำร้ายแนวโน้มการใช้งาน AI Chatbot ในปัจจุบัน ผู้ใช้งานเริ่มแบ่งปันข้อมูลส่วนตัวมากขึ้น บางส่วนมอง Chatbot เป็นที่ปรึกษาในชีวิต สุขภาพ หรืออารมณ์มากยิ่งขึ้นจนคล้ายการพูดคุยกับเพื่อนคนหนึ่ง ยิ่งทำให้ข้อมูลละเอียดอ่อนหลุดออกไปง่ายขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอนนี่เป็นสิ่งไม่ควรเกิดขึ้นแต่สำหรับโมเดล AI ในบริษัทอื่น รายได้หลักของพวกเขามาจากโมเดลการสมัครสมาชิกหรือจ่ายค่าบริการตาม API ที่ใช้งาน แต่การใช้งานของ Meta AI นี้แม้จะบอกว่าให้ใช้ฟรี แต่สุดท้ายข้อมูลการสนทนาระหว่างผู้ใช้งานกับ AI Chatbot อาจกลายเป็นสินค้าเสียเองเหมือนที่เกิดขึ้นกับโซเชียลมีเดีย
ปัญหาที่ตามมาจากการขยายตัวและเติบโตของ Meta AI
ข้อมูลส่วนตัวที่เก็บรวบรวมจาก Meta AI นำไปใช้งานได้หลายรูปแบบ ตัวอย่างเช่น เราบ่นกับ Meta AI ว่า วันนี้เลวร้ายมาก รองเท้าที่ใส่อยู่ขาด ฝนตก รถติด สารพัดปัญหาชีวิต แต่ไม่นานหลังจากนั้นโซเชียลมีเดียของเรา อาจแนะนำโฆษณารองเท้าขึ้นมาแบบมืดฟ้ามัวดิน ทั้งที่เราไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครเลย
หรืออีกกรณีที่อาจเกิดขึ้นคือ AI Chatbot อาจพูดคุยปลอบใจว่า เดี๋ยวเรื่องเลวร้ายก็ผ่านไป พูดคุยให้กำลังใจ 2 – 3 ประโยค เมื่อถึงช่วงการคุยเรื่องทำให้อารมณ์แจ่มใส AI ก็อาจนำเสนอผลิตภัณฑ์รองเท้าที่ได้รับการโฆษณาอย่างแนบเนียน พร้อมชี้ช่องทางการซื้อพร้อมสรรพเผื่อผู้ใช้งานเกิดสนใจ
จริงอยู่แนวทางการยิงโฆษณามาหาผู้ใช้งานเกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่สิ่งนี้อ้างอิงจากการคุกกี้เว็บไซต์และเก็บข้อมูลการใช้งานในแพลตฟอร์ม แต่ด้วยรูปแบบการใช้งาน AI ในปัจจุบันอาจมีการสวมบทบาทเป็นบุคลิกเพื่อน ที่ปรึกษา ไปจนคนรู้ใจ จากนั้นจึงนำเสนอขายสินค้าอย่างแนบเนียนและมีน้ำหนัก จึงชักจูงให้เกิดการซื้อสินค้าได้ง่ายกว่าปกติมาก
อันดับถัดมาคือความไว้ใจ AI มากเกินไป เมื่อเรานำข้อมูลส่วนตัวทั้งด้านสุขภาพ จิตใจ หรือปัญหาชีวิตไปปรึกษา หลายครั้ง AI อาจมอบคำแนะนำให้สามารถจัดการปัญหาได้ แต่หากคำแนะนำเหล่านี้ไม่ได้จบเพียงการเสนอขาย แต่ใช้ในการชักจูงความคิด ความเข้าใจ และบริบทในสังคมก็ยิ่งสร้างความน่าเชื่อถือได้ง่าย โดยเฉพาะกับผู้มีจิตใจไม่มั่นคงหรือผู้เยาว์
เรื่องจะยิ่งร้ายแรงเมื่อ AI Chatbot ถูกนำมาใช้ในการผลักดันเนื้อหาทางการเมืองหรือสังคม เพื่อสร้างและกระจายชุดความคิดสาธารณะบางประการทั้งจากความตั้งใจและไม่ตั้งใจ หลายครั้งก่อให้เกิดผลกระทบต่อคนหมู่มากแต่ก็ไม่มีการปรับปรุงแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้ง Meta ก็เคยมีข่าวเรื่องนำข้อมูลไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตอีกด้วย
ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่า Meta AI แม้จะเป็นโมเดล AI Chatbot ใช้งานฟรี แต่เราก็อาจต้องจ่ายด้วยสิ่งอื่นอยู่ดี
ล่าสุดข่าวลือว่า Meta กำลังพัฒนาฟีเจอร์ให้ Meta AI เป็นฝ่ายเริ่มทักทายบทสนทนาไปหาผู้ใช้งานก่อน เลียนแบบพฤติกรรมในการพูดคุยกับเพื่อน สิ่งนี้จะยิ่งก่อให้เกิดความสับสนระหว่าง AI กับคนจริง และอาจนำไปสู่การใช้ประโยชน์จากข้อมูลของเราที่ลึกซึ้งกว่าเดิมก็เป็นได้
ที่มา


