posttoday

Meta เปิดแผนใหญ่ ผุด "โพรมีธีอุส" ศูนย์ข้อมูล AI ขนาดเท่าแมนฮัตตัน

15 กรกฎาคม 2568

Meta เปิดแผนใหญ่ เตรียมผุดศูนย์ข้อมูลขนาดมหึมาหลายแห่งทั่วโลก ปูทางสู่ยุค AI เต็มรูปแบบ แห่งแรกคาดเปิดใช้ปี 2026

 

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta ออกมาเปิดเผยว่า บริษัทกำลังเดินหน้าก่อสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดมหึมาหลายแห่ง เพื่อเป็นขุมพลังขับเคลื่อนปัญญาประดิษฐ์ (AI) แห่งอนาคต โดยคาดว่าแห่งแรกจะเริ่มใช้งานได้ในปีหน้า

 

“เราตั้งชื่อศูนย์แห่งแรกว่า ‘โพรมีธีอุส’ (Prometheus) และน่าจะเริ่มเปิดทำการได้ในปี 2026” ซักเคอร์เบิร์กโพสต์ข้อความบน Facebook เมื่อวันจันทร์ โดยเอ่ยถึงโครงการในรัฐโอไฮโอ พร้อมเสริมว่า

 

“เรากำลังสร้างคลัสเตอร์ขนาดยักษ์ ‘ไททัน’ (Titan) เพิ่มเติมอีกหลายแห่งด้วย” ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงแผนการขยายศูนย์ข้อมูลในอนาคต

 

 

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะยกระดับขีดความสามารถด้าน AI ซักเคอร์เบิร์กได้ทุ่มเม็ดเงินมหาศาลไปกับการลงทุนในด้านพลังงาน กำลังการประมวลผล และการดึงตัวบุคลากรมากฝีมือ เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในการแข่งขันด้าน AI ที่ดุเดือด

 

ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา Meta เผยว่าอาจใช้งบลงทุนสูงถึง 7.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้ โดยเน้นไปที่การพัฒนา AI และศูนย์ข้อมูลสำหรับฝึกฝนโมเดลต่าง ๆ

 

ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ซักเคอร์เบิร์กได้ลงมือรวบรวมทีมผู้เชี่ยวชาญด้วยตัวเอง เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย “สุดยอดปัญญาประดิษฐ์” (superintelligence) ซึ่งหมายถึงการที่เครื่องจักรสามารถทำงานได้ดีหรือเหนือกว่ามนุษย์ในหลาย ๆ ด้าน

 

AI ประเภทนี้โดยเฉพาะ generative AI ต้องการพลังงานมหาศาล ส่งผลให้เกิดการแข่งขันทั่วทั้งอุตสาหกรรมในการสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ และแย่งชิงชิปประมวลผลราคาสูงลิ่วจากซัพพลายเออร์อย่าง Nvidia 

Meta กำลังเดินหน้าเต็มกำลังในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ระดับสุดยอด ด้วยการจัดตั้ง Meta Superintelligence Labs ที่รวมทีมนักวิจัยแถวหน้าจากวงการ AI ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นอดีตมันสมองจาก OpenAI, DeepMind ของ Google และบริษัท AI ชั้นนำอื่นๆ

 

ล่าสุด Meta ได้แต่งตั้ง อเล็กซานเดอร์ หวัง (Alexandr Wang) ผู้ร่วมก่อตั้ง Scale AI ขึ้นแท่น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่าย AI (Chief AI Officer) พร้อมทุ่มเงินกว่า 1.43 หมื่นล้านดอลลาร์ เข้าถือหุ้น 49% ในบริษัทของเขา แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของหวังอย่างเต็มที่

 

นอกจากนี้ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ยังประสบความสำเร็จในการดึงตัวบุคลากรระดับท็อปมาร่วมทีมอีกหลายคน ได้แก่ แนท ฟรีดแมน (Nat Friedman) อดีตซีอีโอ GitHub, แดเนียล กรอส (Daniel Gross) ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพ AI

 

และที่น่าจับตาคือหัวหน้าทีม AI ของ Apple ซึ่งมีรายงานว่า Meta เสนอแพ็คเกจค่าตอบแทนสูงถึง 200 ล้านดอลลาร์ เพื่อดึงตัวเขามาร่วมงานในครั้งนี้

 

 

มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta ได้เปิดเผยถึงแผนการพัฒนา "คลัสเตอร์" ศูนย์ข้อมูลขนาดหลายกิกะวัตต์ ซึ่งจะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในศูนย์ข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศูนย์ข้อมูลที่ริชแลนด์ รัฐหลุยเซียน่า ที่ซักเคอร์เบิร์กเคยกล่าวไว้ว่ามีขนาดเกือบเท่ากับเกาะแมนฮัตตัน

 

ในปัจจุบัน ศูนย์ข้อมูลส่วนใหญ่มีกำลังการผลิตเพียงไม่กี่ร้อยเมกะวัตต์ต่อแห่งเท่านั้น แต่สำหรับยุคของปัญญาประดิษฐ์ที่กำลังเฟื่องฟู บริษัทเทคโนโลยีและ AI ชั้นนำหลายแห่ง เช่น OpenAI และ Oracle

 

ต่างกำลังวางแผนพัฒนาศูนย์ข้อมูลที่สามารถรองรับพลังงานได้ในระดับ "หลายกิกะวัตต์" ซึ่งตามข้อมูลของ Carbon Collective พลังงานระดับนี้เพียงพอที่จะจ่ายไฟฟ้าให้กับบ้านเรือนเกือบ 900,000 หลังต่อปีเลยทีเดียว

 

พลังงานมหาศาลขนาดนี้ถูกมองว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการก้าวไปสู่เป้าหมายของ "สุดยอดปัญญาประดิษฐ์" (Artificial General Intelligence - AGI)

 

ซักเคอร์เบิร์กยังได้อ้างอิงข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ SemiAnalysis ที่ระบุว่า Meta กำลังจะเป็นบริษัทแรกที่มี "ซูเปอร์คลัสเตอร์" ที่มีกำลังการผลิตมากกว่าหนึ่งกิกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นการก้าวข้ามขีดจำกัดของเทคโนโลยีศูนย์ข้อมูลในปัจจุบัน

 

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ได้ย้ำถึงแผนการลงทุนมหาศาลของ Meta อีกครั้ง โดยระบุว่าบริษัทจะทุ่มงบประมาณ "หลายแสนล้านดอลลาร์" เพื่อขยายขีดความสามารถของศูนย์ข้อมูล โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการสร้างสรรค์สุดยอดปัญญาประดิษฐ์ (AI)

 

ซักเคอร์เบิร์กกล่าวอย่างมั่นใจว่า "เรามีเงินทุนจากธุรกิจของเราเพียงพอที่จะทำสิ่งนี้ได้" ซึ่งสอดคล้องกับสถานะทางการเงินของ Meta ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยบริษัทมีรายได้หลักมาจากการโฆษณาบนแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Facebook, Instagram, WhatsApp และ Messenger

 

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด บีจี ปทุม พบ เมืองทอง ฟุตบอลไทยลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68