posttoday

อดีตบอร์ด OpenAI ตั้งแง่ Meta ทุ่มซื้อหัวกระทิ ไม่การันตีชนะศึก AI

05 กรกฎาคม 2568

อดีตบอร์ด OpenAI ตั้งแง่ Meta ทุ่มไม่อั้นซื้อตัวหัวกระทิ AI อาจไม่ช่วยให้ชนะศึก หลังเสียฟอร์มให้คู่แข่งจีน

 

ตามรายงานจากสำนักข่าว Bloomberg เฮเลน โทเนอร์ อดีตสมาชิกคณะกรรมการบริหารของ OpenAI และผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์แห่งศูนย์ความมั่นคงและเทคโนโลยีเกิดใหม่ (CSET) ของมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ชี้ว่า

 

การที่ Meta ทุ่มงบประมาณหลายล้านดอลลาร์เพื่อดึงดูดบุคลากรชั้นนำด้าน AI อาจไม่ใช่หลักประกันสู่ความสำเร็จเสมอไป

 

ในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Bloomberg TV โทเนอร์ระบุว่า สงครามการแย่งชิงบุคลากรด้านปัญญาประดิษฐ์ระหว่างบริษัทในซิลิคอนแวลลีย์ได้ทวีความรุนแรงขึ้นนับตั้งแต่การเปิดตัวของ ChatGPT

 

การที่ Meta พยายามดึงตัวนักวิจัยจากคู่แข่งอย่าง OpenAI ด้วยข้อเสนอค่าตอบแทนระดับหลายสิบล้านดอลลาร์ พร้อมกับการเปิดตัวกลุ่มวิจัยระดับหัวกระทิ AI ที่ชื่อว่า Superintelligence

 

เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทแม่ของ Facebook แห่งนี้สร้างชื่อเสียงในแง่ลบว่าเป็น "องค์กรที่มีทีมงานที่ไร้ประสิทธิภาพและเต็มไปด้วยปัญหา"

 

"คำถามสำคัญคือ กลยุทธ์นี้จะสามารถพลิกชะตาและทำให้ Meta กลายเป็นยักษ์ใหญ่ตัวจริงในวงการ AI ได้หรือไม่" โทเนอร์ตั้งข้อสังเกต

 

"มันเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก เพราะมีการเมืองในองค์กรที่ซับซ้อนเข้ามาเกี่ยวข้อง"

 

ปัญหาของ Meta เริ่มซับซ้อนและชัดเจนขึ้น เมื่อ DeepSeek สตาร์ทอัพดาวรุ่งด้าน AI จากจีนได้ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างไม่มีใครคาดคิดในปีนี้

 

และนำเสนอโมเดล AI แบบโอเพนซอร์สที่กลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ Meta ได้อย่างสมศักดิ์ศรี 

 

โทเนอร์ให้ความเห็นว่า "การที่ DeepSeek ทำผลงานได้โดดเด่นกว่า ถือเป็นการเสียหน้าอย่างรุนแรงสำหรับบริษัท"

 

แม้ว่าปัจจุบัน มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) จะกำลังทุ่มเททรัพยากรทางการเงินอย่างมหาศาล แต่ก็ยังคงเป็นคำถามปลายเปิดว่า

 

เขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงพลวัตในองค์กรและสร้างความก้าวหน้าได้รวดเร็วพอที่จะรั้งตัววิศวกรชั้นนำเหล่านี้ไว้ได้หรือไม่

 

ในวงการปัญญาประดิษฐ์ (AI) ชื่อของ เฮเลน โทเนอร์ เป็นที่รู้จักในฐานะบุคคลผู้ทรงอิทธิพล เธอเริ่มเป็นที่จับตาของสาธารณชนครั้งแรกในฐานะหนึ่งในคณะกรรมการบริหารของ OpenAI

 

และเป็นที่พูดถึงอีกครั้งเมื่อเธอเป็นหนึ่งในผู้ลงมติให้ปลด แซม อัลท์แมน ออกจากตำแหน่ง CEO ในช่วงปลายปี 2023

 

หลังจากที่อัลท์แมนกลับคืนสู่ตำแหน่งสูงสุดได้ไม่นาน นักวิชาการจากเมลเบิร์นผู้นี้ก็ได้ลาออกจากคณะกรรมการบริหารเช่นกัน

 

และหันมามุ่งเน้นการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับการแข่งขันด้าน AI ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนอย่างเต็มตัว

 

โทนเนอร์ให้ความเห็นว่า การแข่งขันด้าน AI ตอนนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศแล้วแต่เป็นการช่วงชิงความร่วมมือทางธุรกิจและพันธมิตรจากนานาชาติระหว่างสองมหาอำนาจ สหรัฐฯ และจีน

 

ฝั่งสหรัฐฯ อย่าง OpenAI และฝั่งจีนอย่าง Alibaba Group Holding Ltd., DeepSeek, และ Zhipu AI ต่างกำลังเร่งสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับรัฐบาลและภาคธุรกิจทั่วโลก

 

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Kakao Corp. บริษัทไอทียักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้ กำลังนำบริการอย่าง ChatGPT และ AI อื่นๆ มาผนวกรวมกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยมของประเทศ

 

ขณะเดียวกัน Alibaba ก็เดินหน้าขยายการลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการเพิ่มศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่ในภูมิภาคนี้

 

"จีนมีประวัติศาสตร์อันยาวนานในการทำงานร่วมกับรัฐบาลต่าง ๆ และกำลังค่อย ๆ ท้าทายการผูกขาดทางเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ในเวทีโลก" และเสริมว่า

 

"นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง แม้โมเดลของจีนอาจจะยังไม่ซับซ้อนทางเทคนิคเท่า แต่ก็โดดเด่นด้วยจุดแข็งที่ว่าราคาถูกกว่า ใช้งานง่ายกว่า และช่วยให้การปรับใช้และปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะทางทำได้ดีกว่า"

 

เมื่อถูกถามถึงความสัมพันธ์กับ แซม อัลท์แมน โทเนอร์ยอมรับว่ายังไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ใดๆ นับตั้งแต่ความขัดแย้งในห้องประชุมบอร์ดของ OpenAI เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023

 

"สักวันหนึ่งเราคงได้เจอกันในงานอีเวนต์สักแห่ง วงการ AI มันเล็กนิดเดียว" เธอกล่าวทิ้งท้าย "ฉันมั่นใจว่าเราทั้งคู่ต่างก็ยินดีที่จะจับมือทักทายกันได้"


 

ข่าวล่าสุด

ครบรอบ 20 ปี National ITMX "กระดูกสันหลัง" แห่งระบบนิเวศการเงินไทย สู่อนาคตดิจิทัลไร้พรมแดน