posttoday

เปิดโผ 10 สุดยอดเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกปี 2025 โดย World Economic Forum

25 มิถุนายน 2568

World Economic Forum เปิดโผ 10 สุดยอดเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกปี 2025! สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ เชื่อเปลี่ยนโลกได้ใน 3-5 ปี ข้างหน้า

 

ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง มีเพียงไม่กี่นวัตกรรมเท่านั้นที่จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างยั่งยืนและส่งผลกระทบในวงกว้างได้อย่างแท้จริง

 

World Economic Forum (WEF) ได้เผยแพร่รายงาน "10 สุดยอดเทคโนโลยีเกิดใหม่แห่งปี 2025" ซึ่งคัดสรรนวัตกรรมที่คาดการณ์ว่าจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการรับมือกับความท้าทายระดับโลกในอีก 3-5 ปีข้างหน้า

 

รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นร่วมกับ Frontiers Media โดยมุ่งเน้นไปที่ "แนวคิด" ของเทคโนโลยีที่แปลกใหม่และใกล้จะนำมาใช้งานได้จริง ซึ่งมีศักยภาพในการสร้างประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติได้อย่างเป็นรูปธรรม 

 

เปิดโผ 10 สุดยอดเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกปี 2025 โดย World Economic Forum

 

1. เทคโนโลยีนิวเคลียร์ขั้นสูง (Advanced Nuclear Tech)

 

ความต้องการพลังงานนิวเคลียร์กำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด WEF คาดการณ์ว่าเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กและระบบหล่อเย็นทางเลือกใหม่ จะช่วยให้เราได้พลังงานที่ปลอดภัย สะอาด และมีต้นทุนที่ต่ำลง ซึ่งอาจกลายเป็น "กุญแจสำคัญในการสร้างระบบพลังงานที่มั่นคงและไร้คาร์บอน"

 

2. วัสดุโครงสร้างที่เก็บพลังงานได้ (Structural Battery Composites)

 

น้ำหนักของแบตเตอรี่คือจุดอ่อนของยานยนต์ไฟฟ้าและอากาศยานมาโดยตลอด แต่ด้วยวัสดุชนิดใหม่ที่สามารถทำหน้าที่เป็นทั้งโครงสร้างรับน้ำหนักและแหล่งเก็บพลังงานไปพร้อมกัน จะช่วยให้ยานพาหนะเหล่านี้มีน้ำหนักเบาลง เพิ่มประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างน่าทึ่ง

3. เครือข่ายเซ็นเซอร์ (Collaborative Sensing)

 

ลองจินตนาการถึงภาพที่รถยนต์ของเราสามารถ "คุยกันเองได้" ในโลกอนาคตอันใกล้ เทคโนโลยีนี้กำลังจะกลายเป็นจริงได้ด้วย เครือข่ายเซ็นเซอร์ ที่เชื่อมโยงยานพาหนะเข้าด้วยกัน ทำให้รถยนต์แต่ละคันสามารถ แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง ความเร็ว หรือแม้แต่สภาพถนนข้างหน้า

 

ยิ่งไปกว่านั้น รถยนต์ยังสามารถ สื่อสารกับระบบต่างๆ ของเมืองได้ เช่น สัญญาณไฟจราจร หรือระบบจัดการการจราจร รวมถึงสามารถ ส่งสัญญาณถึงหน่วยบริการฉุกเฉินได้โดยตรง เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน

 

4. การฝังลายน้ำในคอนเทนต์จาก AI (Generative Watermarking)

 

เมื่อปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อย ๆ การแยกแยะว่าเนื้อหาใดเป็นของจริงที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ และเนื้อหาใดถูกสร้างโดย AI จะกลายเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง

 

ในอนาคต เทคโนโลยี "การฝังลายน้ำ" (Watermarking) จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ ด้วยการเพิ่ม "ป้ายกำกับที่มองไม่เห็น" ลงในคอนเทนต์ที่ AI สร้างขึ้น ซึ่งจะช่วยในการต่อสู้กับข้อมูลบิดเบือน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในโลกดิจิทัล

 

เปิดโผ 10 สุดยอดเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกปี 2025 โดย World Economic Forum

 

5. ไนโตรเจนสีเขียว (Green Nitrogen)

 

ปัจจุบัน การผลิตปุ๋ยส่วนใหญ่ยังต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของมลพิษและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศ แต่ "ไนโตรเจนสีเขียว" คือแนวคิดใหม่ที่จะเข้ามาเปลี่ยนกระบวนการนี้ ด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าสะอาดมาผลิตปุ๋ยแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล

 

World Economic Forum (WEF) ได้กล่าวถึงแนวคิดนี้ว่าเป็น "หนทางที่ยั่งยืนกว่าในการผลิตอาหารเลี้ยงดูประชากรโลก" ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความสำคัญและศักยภาพของไนโตรเจนสีเขียวในการสร้างความมั่นคงทางอาหารควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม

 

6. ยา GLP-1 (GLP-1 Drugs for Neurodegenerative Diseases)

 

ปัจจุบันยาในกลุ่ม GLP-1 เป็นที่รู้จักกันดีและถูกใช้อย่างแพร่หลายในการรักษาโรคเบาหวานและภาวะน้ำหนักเกิน แต่ล่าสุด World Economic Forum (WEF) ได้ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพที่น่าทึ่งของยาชนิดนี้ว่าไม่ได้จำกัดอยู่แค่นั้น

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรักษาโรคเกี่ยวกับความเสื่อมของระบบประสาท เช่น อัลไซเมอร์และพาร์กินสัน ซึ่งกำลังเป็นที่จับตามองอย่างมากถึงความเป็นไปได้ในการนำมารักษาในอนาคต

 

เปิดโผ 10 สุดยอดเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกปี 2025 โดย World Economic Forum

 

7. เซ็นเซอร์ชีวเคมีอัจฉริยะ (Autonomous Biochemical Sensing)

 

เซ็นเซอร์อัจฉริยะที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมหรือภาวะสุขภาพของมนุษย์ได้อย่างต่อเนื่อง กำลังจะนำไปสู่โอกาสใหม่ ๆ มากมาย

 

ในแวดวงการแพทย์ เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้เราสามารถตรวจจับโรคภัยไข้เจ็บได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งจะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

สำหรับนักวิทยาศาสตร์ เซ็นเซอร์เหล่านี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการติดตามมลพิษ รวมถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของชั้นบรรยากาศ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการศึกษาและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

 

8. นาโนไซม์ (Nanozymes)

 

เอนไซม์ที่พบได้ในธรรมชาติมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการช่วยย่อยสลายมลพิษในสิ่งแวดล้อม หรือนำมาใช้ในการวินิจฉัยทางการแพทย์

 

แต่ข้อจำกัดของเอนไซม์ธรรมชาติคือความไม่เสถียรและต้นทุนที่ค่อนข้างสูง นักวิทยาศาสตร์จึงได้คิดค้นและพัฒนา "นาโนไซม์" หรือเอนไซม์สังเคราะห์ขึ้นในห้องปฏิบัติการ

 

นาโนไซม์เหล่านี้มีคุณสมบัติเด่นกว่าเอนไซม์ธรรมชาติหลายประการ เช่น ทนทานต่อสภาวะแวดล้อมที่หลากหลายกว่า และ มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า

 

ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ทำให้นาโนไซม์สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในวงการต่างๆ ได้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านสิ่งแวดล้อม การแพทย์ หรือแม้แต่ในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ต้องการประสิทธิภาพและความคุ้มค่า

 

เปิดโผ 10 สุดยอดเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกปี 2025 โดย World Economic Forum

 

9. จุลินทรีย์บำบัดเชิงวิศวกรรม (Engineered Living Therapeutics)

 

การรักษาโรคเรื้อรังในระยะยาวนั้นมักมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่สูงลิบลิ่ว และผลลัพธ์ที่ยังไม่แน่นอน แต่ในไม่ช้าปัญหาเหล่านี้อาจคลี่คลายลงได้

 

จากรายงานของ WEF (World Economic Forum) นักวิทยาศาสตร์กำลังทุ่มเทวิจัยและพัฒนาการบำบัดรูปแบบใหม่ โดยใช้ประโยชน์จาก "แบคทีเรียที่มีประโยชน์ซึ่งผ่านการดัดแปลงทางวิศวกรรม" โดยแบคทีเรียเหล่านี้จะนำส่งยาเข้าไปยังตำแหน่งในร่างกายของผู้ป่วยได้โดยตรง

 

10. ระบบผลิตไฟฟ้าจากแรงดันออสโมซิส (Osmotic Power Systems)

 

ระบบผลิตไฟฟ้าจากแรงดันออสโมซิส คือนวัตกรรมพลังงานหมุนเวียนรูปแบบใหม่ที่ใช้หลักการจากธรรมชาติ โดยอาศัยความแตกต่างของแรงดันที่เกิดขึ้นเมื่อ น้ำจืด ไหลมาผสมกับ น้ำเค็ม

 

กระบวนการนี้จะสร้างพลังงานไฟฟ้าที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืนโดยไม่ทิ้งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม 
 

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด ซันเดอร์แลนด์ พบ นิวคาสเซิ่ล พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68