SKY ICT ฉายภาพ Perfect Aviation Hub ดันไทยสู่ศูนย์กลางการบินด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ

 

สนามบิน... ศูนย์กลางที่ไม่เคยหลับใหล ที่ซึ่งเรื่องราวการเดินทาง การพบปะ และการอำลาถูกถักทอเข้าด้วยกันอย่างต่อเนื่อง

 

เราต่างคุ้นชินกับภาพความวุ่นวายที่ดูเหมือนจะถูกจัดระเบียบได้อย่างน่าอัศจรรย์เสมอ ตั้งแต่แถวเช็คอินที่ยาวเหยียดไปจนถึงประตูขึ้นเครื่อง

 

แต่เคยมีใครหยุดคิดบ้างไหมว่า เบื้องหลังความราบรื่นที่ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วนั้น มีกลไกอันซับซ้อนอะไรซ่อนอยู่?

 

คุณ สิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY Group อาจไม่ใช่บุคคลที่มักปรากฏตัวภายใต้แสงสปอตไลต์บ่อยครั้ง 

 

ทว่าเบื้องหลังความสุขุมนั้น คือวิสัยทัศน์อันแน่วแน่ที่กำลังขับเคลื่อนอนาคตอุตสาหกรรมการบินของไทยอย่างเงียบๆ แต่เปี่ยมด้วยพลัง 

 

นับตั้งแต่ก้าวเข้ารับตำแหน่งในปี 2560 คุณ สิทธิเดช ได้นำพาองค์กรให้ก้าวสู่การเป็น "พลังขับเคลื่อนสำคัญเพื่อปฏิรูปสังคม ผ่านโซลูชันเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างแท้จริง"

 

ซึ่งวิสัยทัศน์นี้มิได้เป็นเพียงถ้อยคำสวยหรู แต่ได้ถูกแปรเปลี่ยนเป็นการลงมือทำจนเกิดเป็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ ณ ประตูบานแรกของประเทศ นั่นคือ "สนามบิน"

 

 

 

เบื้องหลังความราบรื่นในสนามบิน จักรวาลเทคโนโลยีจาก SKY GROUP

 

ภายใต้การนำของคุณสิทธิเดช SKY Group ก้าวข้ามบทบาทบริษัทเทคโนโลยี สู่การเป็นผู้บุกเบิกและวางรากฐานดิจิทัลให้อุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย

 

เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปสู่การเป็นศูนย์กลางการบินแห่งเอเชีย (Asia's Aviation Hub) อย่างเต็มภาคภูมิ

 

ความสำเร็จดังกล่าวสะท้อนผ่านการถักทอจักรวาลเทคโนโลยีที่ทำงานสอดประสานกันอยู่เบื้องหลังความสะดวกสบายและความปลอดภัยของผู้โดยสารในสนามบินทั่วประเทศ อาทิ:

 

 

• ระบบบริการผู้โดยสารแบบครบวงจร (CUPPS): หัวใจหลักที่ทำให้เคาน์เตอร์เช็กอิน, ตู้คีออสก์ และประตูทางออกขึ้นเครื่องในสนามบิน 13 แห่งทั่วประเทศทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น

 

• ระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS): ด่านแรกที่ช่วยเสริมความมั่นคงปลอดภัยให้กับสนามบิน 11 แห่ง

 

• เทคโนโลยี Biometric (IATA One ID): นวัตกรรมเปลี่ยนใบหน้าให้กลายเป็นบัตรผ่านขึ้นเครื่อง ลดขั้นตอน ลดการสัมผัส และยกระดับความปลอดภัย ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานสากล

 

• SAWASDEE by AOT Application: ผู้ช่วยนักเดินทางดิจิทัลที่มียอดดาวน์โหลดกว่า 1.2 ล้านครั้ง พร้อมบริการเสริมอย่าง Personal Butler และรถ Electric Buggy ที่เปลี่ยนประสบการณ์ในสนามบินสุวรรณภูมิให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น

 

 

ขานรับยุทธศาสตร์ชาติ สู่เป้าหมาย Aviation Hub

 

SKY Group เดินหน้าเต็มกำลังเพื่อสนับสนุนแผนยุทธศาสตร์ชาติในการผลักดันไทยสู่การเป็น Aviation Hub โดยวางเป้าหมายการพัฒนาสอดคล้องกับแผนของภาครัฐ ดังนี้:

 

• ระยะสั้น (ปัจจุบัน - 2568): รองรับผู้โดยสารไม่ต่ำกว่า 180 ล้านคน และเที่ยวบิน 1.2 ล้านเที่ยวบิน

 

• ระยะกลาง (2568 - 2571): ขยายขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มเป็น 210 ล้านคน และเที่ยวบิน 1.4 ล้านเที่ยวบิน

 

• ระยะยาว (2572 - 2581): ตั้งเป้ารองรับผู้โดยสารสูงถึง 270 ล้านคน และเที่ยวบิน 2.1 ล้านเที่ยวบิน เพื่อก้าวสู่ 1 ใน 5 ผู้นำด้านการขนส่งทางอากาศของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

 

ฉายภาพ "Aviation Hub" ที่สมบูรณ์แบบในมุมมอง "สิทธิเดช มัยลาภ"

 

เมื่อนักข่าว Posttoday ถามถึงนิยามของ "ศูนย์กลางการบินที่สมบูรณ์แบบ" คุณสิทธิเดชได้ให้ทัศนะที่น่าสนใจว่า

 

"เป้าหมายสูงสุดคือการสร้าง End-to-End Contactless Journey หรือคือวันที่ผู้โดยสารใช้เพียงใบหน้า หรือ One-ID ผ่านทุกจุดตั้งแต่เช็กอินจนก้าวขึ้นเครื่องบิน"

"โดยมีเทคโนโลยีของเราเป็นฟันเฟืองเบื้องหลัง เราต้องลดเวลารอคอยของผู้โดยสารให้สั้นที่สุด" 

 

ศูนย์กลางการบินที่สมบูรณ์แบบ ต้องสามารถเติบโตเพื่อรองรับความต้องการในอนาคตตามแผนยุทธศาสตร์ของสนามบินไทยได้ ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วนหลักที่ต้องเติบโตไปพร้อมกัน ได้แก่ 

 

1. การรองรับผู้โดยสาร 

• พื้นที่ Terminal ที่เพียงพอ: สนามบินต้องมีขนาดของอาคารผู้โดยสารที่ใหญ่พอและมีประสิทธิภาพเพื่อรองรับผู้โดยสารขาเข้าและขาออกจำนวนมาก

 

• ลดระยะเวลารอคอย: มีระบบที่มีประสิทธิภาพที่ช่วยให้ผู้โดยสารลดระยะเวลาในการเช็คอิน, การผ่านจุดตรวจ X-ray, และการตรวจคนเข้าเมือง เพื่อให้การเดินทางราบรื่นที่สุด

 

2.การรองรับเครื่องบิน

• ศักยภาพของรันเวย์: ต้องมีจำนวนรันเวย์ที่เพียงพอต่อการรองรับเครื่องบินที่เพิ่มขึ้น 

 

• การจัดการจราจรทางอากาศ: ระบบ Air Traffic Control ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้การขึ้นลงของเครื่องบินสลับกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับจำนวนเที่ยวบินที่มากขึ้น

 

3. การรองรับสินค้า (Cargo)

• พื้นที่จัดเก็บและบริหารจัดการสินค้า: ต้องมีพื้นที่ขนาดใหญ่เพียงพอสำหรับการรองรับสินค้า และมีระบบการจัดการสินค้าที่ดี รวมถึงการติดตามและตรวจสอบสินค้าในคลังสินค้า 

 

• ศูนย์กลางการขนส่ง: สนามบินในประเทศไทยจะต้องเป็นศูนย์กลางที่สามารถรับและส่งสินค้าจากยุโรปไปยังจีน หรือจากจีนไปยังยุโรปได้

 

• การเพิ่มขีดความสามารถด้าน Cargo: ปัจจุบันพื้นที่คลังสินค้าในสุวรรณภูมิสามารถรองรับได้ประมาณ 2-3 ล้านตันต่อปี ซึ่งยังน้อยกว่า Hub ชั้นนำอย่างฮ่องกงที่รองรับได้ถึง 6.7 ล้านตันต่อปี การที่จะเป็น Aviation Hub ที่สมบูรณ์แบบได้นั้นจำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถด้านการขนส่งสินค้าอย่างจริงจัง 

 

 

ตอบรับเทรนด์โลก วิสัยทัศน์แห่งอนาคตการบิน

 

SKY ICT ไม่หยุดนิ่งที่จะนำ Megatrend ระดับโลกมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างความยั่งยืนและยกระดับอุตสาหกรรมการบินของไทย ได้แก่:

 

• Net Zero: ศึกษาและนำเสนอเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน เช่น Thermal Energy Storage, การใช้พลังงานหมุนเวียน 100%, และสนับสนุนการใช้เชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF)

 

• Technological Innovation: พัฒนาเทคโนโลยี Biometric บนมือถือ และส่งเสริมการใช้ Contactless Check-in และ Self-Bag Drop

 

• Intermodal Connectivity: มุ่งสร้างการเชื่อมต่อการเดินทางแบบไร้รอยต่อระหว่างเครื่องบิน รถไฟ และรถบัส ผ่านระบบตั๋วร่วมและฐานข้อมูลที่เชื่อมถึงกัน

 

• The Changing Workforce: นำ AI มาใช้ในรูปแบบ AI Agent และ Kiosk อัจฉริยะ เพื่อลดภาระงานของพนักงาน และใช้ Predictive Analytics วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อคาดการณ์พฤติกรรมผู้โดยสาร สร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นยิ่งขึ้น

 

เมื่อนักข่าว Posttoday ถามว่า เมื่อมีการใช้ระบบ Biometric เก็บข้อมูลการเดินทางของผู้โดยสาร กรรมสิทธิ์ของข้อมูลนั้นถือว่าอยู่ในมือบุคคลใด? และทาง  Sky ICT มีนโยบายในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลผู้โดยสารอย่างไร

 

คุณสิทธิเดชได้ให้ความกระจ่างในประเด็นนี้ว่า "SKY ICT ทำหน้าที่เป็นผู้ติดตั้งและดูแลระบบ (Facilitator) เท่านั้น เราไม่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้โดยสารโดยตรง"

 

คุณสิทธิเดชย้ำว่าข้อมูลจะถูกจัดเก็บโดย SITA ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ได้รับความไว้วางใจจากสายการบินทั่วโลก

 

ขณะที่ความรับผิดชอบของ SKY ICT คือการดูแลเสถียรภาพของเครือข่ายและใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เข้มงวดสูงสุด

 

อาจกล่าวได้ว่า ภายใต้การนำและวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นของคุณสิทธิเดช มัยลาภ ทำให้ SKY Group ไม่ได้เป็นเพียงบริษัทที่ประสบความสำเร็จในเชิงธุรกิจ

 

แต่ยังเป็นพันธมิตรที่ทรงพลังในการร่วมวางรากฐานอนาคตของอุตสาหกรรมการบินและเทคโนโลยีของประเทศไทยให้พร้อมทะยานสู่เวทีโลกอย่างยั่งยืนและสง่างาม