TDRI ร่วมกับ SAP เผย AI เป็นหัวใจของประเทศไทย 4.0 แต่มีผู้พร้อม 2%

สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ร่วมกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ) (ETDA) ภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) และ SAP บริษัท ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร ได้จัดทำ Whitepaper หัวข้อ  “การประยุกต์ใช้ AI เชิงธุรกิจในอุตสาหกรรมการผลิตและภาคส่วนอื่นๆ ในประเทศไทย” ได้ความว่า

 

ยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 ที่มุ่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยี AI ถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนา ด้วยนวัตกรรมการผลิตเริ่มพัฒนาไปในทิศทางพึ่งพาปัญญาประดิษฐ์มากขึ้น โดยเฉพาะโรงงานอัจฉริยะที่เริ่มเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์อย่างกว้างขวาง

 

อย่างไรก็ตามจากข้อมูลของ SAP พบวส่า ผู้ประกอบการภาคการผลิตภายในประเทศไทย มีเพียง 2% เท่านั้นที่พร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรม 4.0 และพร้อมนำ AI มาใช้ในระบบการผลิตอย่างเต็มรูปแบบ ส่งผลต่อขีดความสามารถและศักยภาพในการแข่งขันบนเวทีโลก

 

ส่วนนี้ไม่ใช่ว่าไทยขาดความกระตือรือร้นในการพัฒนาหรือปรับตัวตามเทคโนโลยี เนื่องจากภาคธุรกิจเริ่มมีการนำ AI มาปรับใช้งานกว่า 18% และอีก 73% แสดงความสนใจและมีแผนในการนำ AI มาปรับใช้งาน แต่ยังมีข้อจำกัดและอุปสรรคในหลายด้าน ทำให้การเปลี่ยนผ่านทำได้ไม่ราบรื่นนัก

 

หนึ่งในสาเหตุสำคัญคือ การเก็บรวบรวม ใช้ประโยชน์ และคุณภาพของข้อมูล การพัฒนา AI ให้รองรับการใช้งานสิ่งสำคัญต้องมีข้อมูลให้เรียนรู้ แต่หากไม่มีการเก็บรวบรวมและจัดการอย่างเป็นระบบการใช้งาน AI ก็เป็นไปได้ยาก เป็ข้อจำกัดสำคัญที่ทำให้หลายองค์กรไม่สามารถเปลี่ยนผ่านได้อย่างราบรื่น

 

อีกสาเหตุคือ ไทยขาดระบบนิเวศ AI ที่เข้มแข็งทำให้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับ โดยเฉพาะในด้านแรงงาน เงินทุน และแนวทางปฏิบัติทำได้ยาก นำไปสู่ข้อเสนอว่า อาจต้องมีความร่วมมือจากภาครัฐในการเข้าสนับสนุนเอกชน เพื่อสร้างความพร้อมที่เอื้อต่อการเติบโคของ AI ในระยะยาว

 

หากภาคธุรกิจสสามารถนำ AI มาปรับใช้ได้สำเร็จ คาดว่าปัญญาประดิษฐ์จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดการสูญเสียยอดขายได้ถึง 65% เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตผ่านระบบอัตโนมัติ 20% ลดเวลาหยุดการทำงานของเครื่องจักรลง 20% และลดพฤติกรรมไม่ปลอดภัยในสถานที่ทำงานได้ถึง 90% เลยทีเดียว

 

การนำ AI มาใช้ในภาคการผลิตจึงถือเป็นอนาคต ที่จะช่วยส่งเสริมการเติบโตของภาคธุรกิจอย่างยั่งยืน