Apple ว่าไง? Xiaomi เปิดตัวชิปใหม่ แรงกว่า ถูกกว่า ท้าชน A18 Pro

 

การแข่งขันในวงการสมาร์ทโฟนปี 2025 เข้มข้นกว่าที่เคย ไม่ใช่แค่การเปรียบเทียบกันในเรื่องของดีไซน์หรือฟีเจอร์เฉพาะเท่านั้น

 

แต่ “ขุมพลังภายใน” อย่างชิปประมวลผล กลายเป็นตัวชี้วัดความเหนือชั้นของแต่ละค่าย โดยเฉพาะเมื่อ Apple ปล่อย iPhone 16 ที่มาพร้อมกับชิป A18 Pro สุดล้ำ

 

ในขณะที่ Xiaomi จากจีนก็ไม่ยอมน้อยหน้า เปิดตัว Xiaomi 15S Pro ที่มากับชิป Xring O1 พัฒนาเองในประเทศ

 

ปัจจัยใหม่ ๆ เช่น ราคาที่จับต้องได้, นโยบายรัฐบาลจีนที่ให้ส่วนลดสมาร์ทโฟน และการพัฒนาชิปในประเทศ ล้วนสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับสมรภูมินี้อย่างมหาศาล

 

 

Xiaomi ปล่อยหมัดเด็ดใหม่ — ชิป Xring O1

 

สำนักข่าว CNBC รายงานว่า Xiaomi สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว Xring O1 ชิปประมวลผลรุ่นใหม่ที่อ้างว่าทัดเทียมหรือเหนือกว่า A18 Pro ของ Apple

 

โดยเฉพาะในด้าน การควบคุมความร้อนและประสิทธิภาพในการเล่นเกม จุดนี้เองที่ CEO Lei Jun ชี้ว่าเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” ของ Xiaomi

 

ด้วยการพัฒนาต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2014 และใช้เงินลงทุนกว่า 13,500 ล้านหยวน ชิป Xring O1 กลายเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นของ Xiaomiที่จะ “ไม่พึ่งชิปต่างชาติ” อีกต่อไป

 

 

iPhone 16: สมาร์ทโฟนระดับเรือธงจาก Apple

Apple ยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง โดย iPhone 16 มาพร้อมกับ A18 Pro ซึ่งโดดเด่นในด้านการจัดการพลังงานและความเร็วในการประมวลผล โดยเฉพาะในงานด้าน AI และ Machine Learning 

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจาก ราคาเริ่มต้นที่ 7,999 หยวน (หรือสูงถึง 9,999 หยวนในรุ่น Pro Max) iPhone 16 ยังคงเป็นสินค้า “พรีเมียม” ที่อาจไม่อยู่ในงบของผู้บริโภคจำนวนมากในจีน

 

 

เทียบราคา Apple vs Xiaomi 

 

สำหรับในประเทศจีน Xiaomi 15S Pro ตั้งราคาที่ 5,499 หยวน ต่ำกว่าเพดาน 6,000 หยวนที่ภาครัฐจีนกำหนดให้สามารถขอรับส่วนลดได้

 

ส่งผลให้เกิด “ช่องว่าง” ทางการตลาดที่ iPhone ไม่สามารถเข้าถึงได้ 

 

เมื่อเทียบกับ iPhone 16 ที่ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์รับส่วนลด ทำให้ Xiaomi ดู “คุ้มค่า” กว่าในสายตาผู้บริโภคทั่วไปอย่างชัดเจน

 

 

Xiaomi กับวิสัยทัศน์ในด้านการพัฒนาชิป

 

Xiaomi ได้ประกาศลงทุนกว่า 200,000 ล้านหยวน ในการพัฒนาเทคโนโลยีและชิปในอีก 5 ปีข้างหน้า (เริ่มตั้งแต่ปี 2026) พร้อมเผยเป้ารายได้เพิ่มขึ้น 30% ในปีนี้

 

นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมผลิต ชิปขนาด 3 นาโนเมตร เพื่อใช้ในอนาคต แสดงถึงความทะเยอทะยานที่จะเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีด้วยตนเอง

 

 

Apple ยังเป็นผู้นำอยู่ไหม?

 

แม้ CEO ของ Xiaomi จะยอมรับว่า “Apple ยังคงเป็นอันดับหนึ่ง” แต่ความเปลี่ยนแปลงก็ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเทคโนโลยีใหม่จากแบรนด์จีน ที่ไม่เพียง “ไล่ทัน”

 

แต่บางจุดก็ “ล้ำหน้า” ไปแล้วในมุมของการใช้งานจริง เช่น ความร้อนต่ำขณะเล่นเกม หรือราคาที่คุ้มกว่า

 

ทั้งนี้ ปัจจุบัน โทรศัพท์ของเสียวหมี่ประมาณ 40% ใช้ชิปจาก Qualcomm และ MediaTek แต่ความมุ่งมั่นในการพัฒนาชิปของตัวเองก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

 

โดยนาย Lei เผยว่าเสียวหมี่ใช้เงิน 13,500 ล้านหยวน ตลอดสี่ปีในการพัฒนา Xring O1 แม้จะเคยระงับการวิจัยไปช่วงหนึ่งหลังจากเริ่มพัฒนามาตั้งแต่ปี 2014

 

 

Xiaomi บุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

 

ไม่ใช่แค่สมาร์ทโฟนที่ Xiaomi ลงสนามอย่างเต็มตัว แต่ ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ก็กำลังกลายเป็นอีกหนึ่งสมรภูมิที่แบรนด์จีนนี้พร้อมชนทุกค่าย

 

โดยเฉพาะการเปิดตัว Xiaomi SU7 ซึ่งมีราคาถูกกว่า Tesla Model ถึง 4,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงเปิดตัว พร้อมฟีเจอร์ล้ำ ๆ ที่ดึงดูดใจผู้บริโภคยุคใหม่

 

ซีอีโอของ Ford ยังออกมาแสดงความสนใจถึงขนาด “ขอลองขับ” เพื่อศึกษาคู่แข่งรายใหม่นี้

 

ล่าสุด Xiaomi ยังได้เผยโฉมรถ SUV รุ่นแรกชื่อ YU7 ที่คาดว่าจะเปิดตัวในเดือนกรกฎาคมนี้ มาพร้อมระบบช่วยขับอัจฉริยะ และชิปประมวลผลจากทั้ง Qualcomm Snapdragon และ Nvidia Thor

 

ระยะทางวิ่งสูงสุดของ YU7 อยู่ที่ 835 กิโลเมตรต่อการชาร์จ นับว่าเป็นระยะที่น่าประทับใจในวงการ EV

 

 

 

อาจกล่าวได้ว่า Xiaomi ไม่ได้พยายามเป็น “Apple เวอร์ชั่นจีน” แต่ใช้กลยุทธ์ของตนเองในการดึงดูดตลาด

 

ด้วยการเน้นไปที่ ประสิทธิภาพสูง + ราคาจับต้องได้ โดยไม่จำเป็นต้องแข่งขันเรื่องแบรนด์พรีเมียมเพียงอย่างเดียว

 

แนวทางนี้ช่วยเปิดตลาดให้กับกลุ่มผู้ใช้ที่อยากได้ฟีเจอร์ระดับไฮเอนด์ แต่ไม่อยากจ่ายแพงเท่ากับ iPhone

 

ทั้งนี้ ผลประกอบการในปี 2024 ของ Xiaomi สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งในด้านรายได้และกำไร โดยยอดขายในตลาดต่างประเทศคิดเป็น 42% ของรายได้ทั้งหมด

 

ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า ราคาหุ้นของ Xiaomi เพิ่มขึ้นกว่า 50% ตั้งแต่ต้นปี สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก

 

การประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ จึงเป็นที่จับตามองว่าจะ “ยืนระยะได้หรือไม่” ท่ามกลางการแข่งขันรอบด้าน