posttoday

แค่เซลฟี่ก็รู้! FaceAge AI ถอดรหัส "อายุชีวภาพ" ที่ซ่อนบนใบหน้า

15 พฤษภาคม 2568

เซลฟี่บอกอนาคตสุขภาพ AI "FaceAge" สุดล้ำ ใช้แค่ภาพถ่ายใบหน้าวิเคราะห์ "อายุชีวภาพ" ที่แท้จริง แม่นยำกว่าอายุตามปีเกิด ชี้วัดความเสื่อมของร่างกาย

 

ลองนึกภาพตามว่า โลกที่การกดชัตเตอร์ถ่ายภาพใบหน้าตัวเอง ไม่เพียงแต่เก็บความทรงจำ แต่ยังสามารถวิเคราะห์สุขภาพเชิงลึกที่ซ่อนอยู่ภายในได้

 

สำนักข่าว The Guardian และ The Washington Post รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์จาก Mass General Brigham ในบอสตัน สหรัฐอเมริกา กำลังทำให้แนวคิดดังกล่าวเป็นจริง ด้วยการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) สุดล้ำที่ชื่อว่า "FaceAge"

 

แค่เซลฟี่ก็รู้! FaceAge AI ถอดรหัส "อายุชีวภาพ"  ที่ซ่อนบนใบหน้า

 

FaceAge: AI อ่านใบหน้า ทะลุถึง "อายุชีวภาพ"

 

หลายคนอาจคุ้นเคยกับ "อายุตามปีเกิด" (Chronological Age) ที่ระบุในบัตรประชาชน แต่ FaceAge กำลังพาเราไปรู้จักกับ "อายุทางชีววิทยา" (Biological Age) ซึ่งเป็นมาตรวัดสภาพความเสื่อมที่แท้จริงของร่างกาย 

 

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ลองเปรียบเทียบคนสองคนที่มีอายุ 50 ปีเท่ากัน คนหนึ่งอาจมีร่างกายแข็งแรงเทียบเท่าคนอายุ 40 ปี ขณะที่อีกคนอาจมีความเสื่อมถอยไปถึงระดับคนอายุ 60 ปีแล้วก็ได้

 

งานวิจัยเคยยกตัวอย่างกรณี Paul Rudd นักแสดงฮอลลีวูดที่แม้อายุจริง 50 ปี แต่อายุชีวภาพกลับอยู่ที่ 43 ปี

 

ในทางกลับกัน Wilford Brimley นักแสดงอีกท่าน ในวัย 50 ปีเท่ากัน กลับมีอายุชีวภาพสูงถึง 69 ปี ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนความแตกต่างของสุขภาพแต่ละคนได้อย่างชัดเจน

 

 

แค่เซลฟี่ก็รู้! FaceAge AI ถอดรหัส "อายุชีวภาพ"  ที่ซ่อนบนใบหน้า

ทำไม "อายุชีวภาพ" ถึงสำคัญทางการแพทย์?

 

คำตอบคือ อายุชีวภาพที่สูงกว่าอายุจริง มักบ่งชี้ถึงสภาพร่างกายที่อ่อนแอกว่า และที่สำคัญคือ มีแนวโน้มที่จะตอบสนองต่อการรักษาทางการแพทย์ เช่น การฉายรังสี (Radiotherapy) ได้ไม่ดีเท่าที่ควร หรือในบางราย อาจไม่สามารถทนต่อการรักษาประเภทนั้นได้เลย

 

หมายความว่า FaceAge ไม่ใช่แค่การ "เดา" แต่เป็นข้อมูลเชิงลึกที่มีค่ามหาศาลสำหรับแพทย์ โดยเฉพาะในการวางแผนการรักษาผู้ป่วยมะเร็ง

 

ซึ่งเป็นกลุ่มแรกที่ FaceAge ถูกนำมาทดลองใช้ เพื่อปรับแนวทางการรักษาให้เหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุดกับผู้ป่วยแต่ละราย

 

แค่เซลฟี่ก็รู้! FaceAge AI ถอดรหัส "อายุชีวภาพ"  ที่ซ่อนบนใบหน้า

 

ไม่ใช่แค่ผมหงอกหรือหัวล้าน AI มองลึกกว่าที่ตาเห็น

 

หลายคนอาจคิดว่าสัญญาณภายนอกอย่างผมหงอกก่อนวัย หรือภาวะศีรษะล้าน จะเป็นตัวชี้วัดอายุชีวภาพที่สูงขึ้น แต่ FaceAge กลับชี้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียง "ภาพลวงตา" ที่ไม่แม่นยำนัก

 

สิ่งที่ AI ตัวนี้ให้ความสำคัญ คือลักษณะเฉพาะบนใบหน้าที่ซับซ้อนกว่านั้น เช่น รอยพับของผิวหนังบริเวณรอบปาก หรือความลึกของขมับ

 

ซึ่งเป็นจุดที่ AI สามารถตรวจจับสัญญาณการเปลี่ยนแปลงระดับเซลล์อันเนื่องมาจากความเสื่อมของร่างกายได้อย่างแม่นยำ

 

การมีเครื่องมือที่สามารถประเมินสุขภาพได้แม่นยำถึงระดับนี้ หากถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลาย ย่อมมีศักยภาพในการยกระดับเราภาพชีวิตผู้คนนับล้าน

 

แม้ปัจจุบันงานวิจัยจะเน้นที่ผู้ป่วยมะเร็ง แต่ทีมพัฒนาก็มีแผนที่จะขยายขอบเขตการทดสอบ FaceAge ไปยังการประเมินความเสี่ยงและสุขภาพในภาวะอื่นๆ ด้วย

อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและมีข้อจำกัดที่ต้องพัฒนาต่อ อาทิ:

  1. ความหลากหลายทางเชื้อชาติ: โมเดล AI ส่วนใหญ่ถูกฝึกฝนด้วยข้อมูลภาพใบหน้าของคนผิวขาวเป็นหลัก จึงยังต้องมีการทดสอบและปรับปรุงความแม่นยำเมื่อนำไปใช้กับคนต่างสีผิวหรือเชื้อชาติ
  2. ผลกระทบจากศัลยกรรม: ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมว่าการทำศัลยกรรมความงามบนใบหน้า จะส่งผลต่อการวิเคราะห์ของ FaceAge หรือไม่

 

ถึงกระนั้น เราต้องไม่ลืมว่าเทคโนโลยี AI มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เฉกเช่นเดียวกับ AI อื่นๆ ที่เคยถูกมองว่าเป็นเพียงของเล่นในอดีต

 

แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นเครื่องมือที่พลิกโฉมอุตสาหกรรมต่างๆ เราจึงคาดการณ์ได้ว่า FaceAge จะได้รับการพัฒนาให้แม่นยำและครอบคลุมมากยิ่งขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว

 

แค่เซลฟี่ก็รู้! FaceAge AI ถอดรหัส "อายุชีวภาพ"  ที่ซ่อนบนใบหน้า

 

อนาคตของการแพทย์ เริ่มต้นที่ "เซลฟี่"

 

FaceAge จึงไม่ใช่แค่แอปพลิเคชันถ่ายรูปสนุกๆ แต่เป็นหมุดหมายสำคัญที่อาจกำลังจะเปลี่ยนโฉมวงการแพทย์

 

อนาคตที่การวินิจฉัยและวางแผนการรักษาเบื้องต้น ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ถ่าย "เซลฟี่" เพียงรูปเดียว ใบหน้าของเรา อาจไม่ได้บอกแค่ตัวตน แต่กำลังจะบอกถึงสุขภาพที่แท้จริง และอาจรวมถึงทิศทางสุขภาพในอนาคตของเราด้วย
 

ข่าวล่าสุด

บอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด โปรแกรมฟุตบอล วันจันทร์ที่ 15 ธ.ค. 68