"TikTok" เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ช่วยพ่อแม่รับมือลูกติดจอ

TikTok แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นชื่อดัง ประกาศเปิดตัวชุดฟีเจอร์ใหม่ ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนให้ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างสมดุลการใช้ดิจิทัลของบุตรหลาน ในครอบครัว

 

ฟีเจอร์ใหม่จาก TikTok เป็นการต่อยอดจากเครื่องมือ "Family Pairing" ที่เคยเปิดตัวไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งช่วยให้พ่อแม่สามารถควบคุมดูแลการใช้งานของลูกได้ในระดับหนึ่ง

 

แต่สำหรับฟีเจอร์ใหม่นี้ TikTok ได้เพิ่มความละเอียดในการตั้งค่าให้มากขึ้นไปอีก โดยผู้ปกครองจะสามารถกำหนดกรอบเวลาการใช้งานที่ยืดหยุ่นได้ตามความเหมาะสมของแต่ละช่วงชีวิต

 

ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาเรียน ช่วงพักผ่อน หรือช่วงเวลาที่ต้องการให้ลูกๆ ได้ทำกิจกรรมอื่น ร่วมกับครอบครัว

จำกัดเวลาใช้งานได้ตามใจวัยทีน

 

ฟีเจอร์เด่นที่เพิ่มเข้ามาใหม่คือ "Time Away" ที่ผู้ปกครองสามารถเลือกช่วงเวลา "งด" การใช้งาน TikTok ได้อย่างละเอียด เช่น 

 

หากต้องการให้ลูกพักผ่อนอย่างเต็มที่ในเวลากลางคืน ก็สามารถตั้งเวลาไม่ให้ใช้งานแอปพลิเคชันหลัง 22:00 น. ได้ 

 

หรือหากต้องการจำกัดการใช้งานในช่วงวันเรียน หรือวันหยุดสุดสัปดาห์ ก็สามารถตั้งตารางเวลาที่แตกต่างกันได้ตามความเหมาะสม

 

หากลูกๆ ต้องการใช้งานในช่วงเวลาที่ถูกจำกัดไว้ ก็สามารถ "ขอเวลาเพิ่ม" จากผู้ปกครองได้เช่นกัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาและตัดสินใจของผู้ปกครองเอง

 

นอกจากนี้ TikTok ยังเข้าใจดีว่า การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต้องอาศัยความเข้าใจและการสนับสนุน จึงได้เพิ่มฟีเจอร์พิเศษสำหรับผู้ใช้งานวัยรุ่นโดยเฉพาะ 

 

หากระบบตรวจพบว่ามีการใช้งาน TikTok หลังเวลา 22:00 น. จะมีเสียงเพลงบรรเลงเบาๆ พร้อมภาพเคลื่อนไหวที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายปรากฏขึ้น

 

เพื่อแจ้งเตือนให้ผู้ใช้งานในช่วงวัยรุ่นได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และหากยังใช้งานต่อไป ก็จะมีข้อความแจ้งเตือนที่ชัดเจนขึ้นปรากฏขึ้นอีกครั้ง

 

 

เครื่องมือใหม่ให้พ่อแม่ดูแลเชิงรุก

 

สำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับ TikTok จะทราบว่าแพลตฟอร์มนี้ไม่ได้มีเพียงแค่คลิปวิดีโอสนุกๆ หรือความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังมีเนื้อหาการเรียนรู้ที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฟีด STEM ที่รวบรวมคลิปวิดีโอเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์

 

ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มเยาวชนทั่วโลก และในการอัปเดตครั้งนี้ TikTok ได้เปิดใช้งานฟีด STEM อีกครั้ง หลังจากเคยถูกปิดไป พร้อมทั้งขยายการให้บริการครอบคลุมกว่า 100 ประเทศทั่วโลก

 

ในส่วนของการดูแลเชิงรุก TikTok ยังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ปกครอง "มองเห็น" พฤติกรรมการใช้งานของลูกๆ ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เช่น สามารถดูได้ว่าลูกกำลังติดตามบัญชีของใคร หรือมีใครมาติดตามลูก

 

รวมถึงคอนเทนต์ประเภทใดที่ลูกสนใจเป็นพิเศษ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ปกครองสามารถเปิดบทสนทนากับลูกๆ เกี่ยวกับการใช้งานดิจิทัลได้อย่างสร้างสรรค์ และช่วยให้ลูกๆ ได้เรียนรู้ทักษะที่จำเป็นในโลกดิจิทัลไปพร้อมกัน

 

แจ้งเตือนพ่อแม่เมื่อลูก "รีพอร์ต" คอนเทนต์ไม่เหมาะสม

 

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ เครื่องมือแจ้งเตือนเมื่อบุตรหลาน "รีพอร์ต" วิดีโอที่ไม่เหมาะสม แม้ว่าจะไม่ได้เปิดใช้งาน Family Pairing ผู้ใช้งานวัยรุ่นก็สามารถตั้งค่าให้ระบบแจ้งเตือนไปยังผู้ปกครองได้เมื่อมีการรายงานวิดีโอที่ไม่เหมาะสม

 

ฟีเจอร์นี้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของ TikTok ที่จะเปิดช่องทางให้เกิดการสื่อสารระหว่างเด็กและผู้ปกครองในเรื่องความปลอดภัยบนโลกออนไลน์

 

 

สร้างสมดุลการใช้ดิจิทัลในระยะยาว

 

TikTok ย้ำว่า ฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้ได้รับการออกแบบมาโดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมแนวทางการใช้งานดิจิทัลที่ดีต่อสุขภาพในระยะยาว และจากการทดลองใช้งานฟีเจอร์ "Wind Down" ในบางประเทศ พบว่า

 

เยาวชนส่วนใหญ่เลือกที่จะเปิดใช้งานการแจ้งเตือนนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความตระหนักรู้และความต้องการที่จะสร้างสมดุลในการใช้ชีวิตดิจิทัลของตนเอง

 

ในอนาคต TikTok ยังมีแผนที่จะพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยจะทำการวิจัยร่วมกับผู้ปกครองและเยาวชนทั่วโลก

 

เพื่อทำความเข้าใจถึงความต้องการและหาแนวทางในการสนับสนุนให้เกิดการใช้งานดิจิทัลที่สมดุลและเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายอย่างแท้จริง