ไทยเปิดตัว AI ทางการแพทย์ 6 โครงการ ยกระดับสาธารณสุขสู่ยุคดิจิทัล

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงฯ กำลังเดินหน้าพัฒนาระบบสุขภาพดิจิทัล เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว

 

และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยนำเทคโนโลยี AI มาช่วยแบ่งเบาภาระบุคลากรทางการแพทย์ในการตรวจคัดกรองและวินิจฉัยโรคเบื้องต้น

 

ขณะนี้ กระทรวงฯ ได้พัฒนาโครงการ AI ทางการแพทย์แล้ว 26 โครงการ และมี 6 โครงการที่พัฒนาสำเร็จและนำไปใช้งานจริงแล้ว ได้แก่

1. AI ตรวจจอประสาทตา (AI Retina): เครื่องมือ AI ที่ช่วยตรวจหาภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตาได้อย่างแม่นยำถึง 95%

 

ปัจจุบันใช้งานในโรงพยาบาลกว่า 130 แห่ง และคัดกรองผู้ป่วยเบาหวานไปแล้วกว่า 21,000 ราย

 

2. แอปฯ "รักยิ้ม" คัดกรองฟันผุ: แอปพลิเคชันที่ใช้ AI วิเคราะห์ภาพถ่ายช่องปาก เพื่อตรวจหาฟันผุได้อย่างแม่นยำ 84.5%

 

มีผู้ใช้งานแล้ว 3,500 ราย และเปิดให้หน่วยงานอื่นนำไปใช้ได้ฟรี

 

3. หมอแผนไทยอัจฉริยะ (Panthai AI Doctor & Chatbot): ระบบ AI ที่ช่วยวินิจฉัยโรคเบื้องต้นตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย 5 กลุ่มโรค เช่น

 

โรคประจำเดือนสตรี ท้องอืด และไข้หวัด รวมถึงตอบคำถามสุขภาพและตรวจสอบข่าวปลอมเกี่ยวกับแพทย์แผนไทย

 

4. "Imaging Hub" คลังภาพถ่ายทางการแพทย์: แพลตฟอร์มฐานข้อมูลภาพถ่ายทางการแพทย์ขนาดใหญ่กว่า 5 แสนรายการ

 

พร้อม AI วิเคราะห์ภาพถ่ายเอกซเรย์ทรวงอก และรองรับการวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์อื่นๆ

 

5. "DDC.alert" ระบบเตือนภัยโรคระบาดและภัยพิบัติ: ระบบ AI ที่แสดงแผนที่การระบาดของโรคและภัยพิบัติ พร้อมแจ้งเตือนและพยากรณ์การระบาดของโรคและภัยพิบัติต่างๆ เช่น

 

โควิด-19 เช่น น้ำท่วม ปัจจุบันมีหน่วยงานสาธารณสุขใช้งานแล้วกว่า 1,151 แห่ง และแจ้งเตือนเหตุการณ์สำคัญไปแล้ว 3,137 ครั้ง

 

6. "AI Depression + DMIND" ประเมินความเสี่ยงซึมเศร้า: เครื่องมือ AI ที่ช่วยประเมินความเสี่ยงและระดับความรุนแรงของโรคซึมเศร้า

 

ทำให้ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงได้รับการช่วยเหลือจากสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ได้รวดเร็วขึ้น มีผู้เข้ารับการประเมินแล้วกว่า 100,000 ราย

รัฐมนตรีสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงฯ ตั้งเป้าพัฒนาโครงการ AI ทางการแพทย์ให้สำเร็จเพิ่มอีก 11 โครงการภายในปีนี้

 

เพื่อผลักดันระบบสาธารณสุขของไทยให้ก้าวหน้าสู่ระบบสุขภาพดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

 

และยกระดับการบริการทางการแพทย์ให้ประชาชนเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพและทันสมัยมากยิ่งขึ้น