ลือ! OpenAI ซุ่มทำ Gadget "ChatGPT" อุปกรณ์ AI พกพา สั่งงานด้วยเสียง

ข่าวลือหนาหู! Sam Altman ซีอีโอ OpenAI ย้ำชัด กำลังซุ่มพัฒนา Gadget “ChatGPT” สำหรับผู้บริโภค คาดใช้ "เสียง" เป็นหลักในการสั่งการ หลังจากเคยมีข่าวร่วมมือกับ Jony Ive อดีตนักออกแบบ Apple มาแล้ว ยิ่งทำให้หลายคนจับตาว่าอุปกรณ์ ChatGPT นี้จะออกมาหน้าตาเป็นอย่างไร และจะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้วงการเทคโนโลยีได้หรือไม่ หลังจากที่เคยมีผลิตภัณฑ์คล้ายกันอย่าง Rabbit R1 และ Humane AI Pin ที่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่แล้ว OpenAI จะแก้เกมอย่างไรให้ Gadget ChatGPT ประสบความสำเร็จ?

1. ดีไซน์สวยเฉียบ

จากการที่ Jony Ive ได้ร่วมงานกับ OpenAI เพื่อพัฒนาอุปกรณ์ AI ทำให้เป็นที่จับตามองอย่างมาก เพราะ Ive คือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จด้านการออกแบบของ Apple ที่สร้างผลิตภัณฑ์อันโด่งดังมากมาย เช่น iPod, iPhone และ MacBook ด้วยปรัชญาการออกแบบที่โดดเด่น ทำให้เขาสร้างชื่อเสียงในฐานะนักออกแบบผลิตภัณฑ์ระดับโลก ก่อนที่จะแยกตัวออกมาก่อตั้งบริษัท LoveFrom ในปี 2019

แม้ว่า LoveFrom จะร่วมมือกับ OpenAI อย่างเป็นทางการ แต่รายละเอียดของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยังคงเป็นปริศนา อย่างไรก็ตาม ด้วยชื่อเสียงของ Ive และแนวทางการออกแบบที่เฉียบคม ทำให้คาดการณ์ได้ว่าอุปกรณ์ AI ชิ้นนี้ จะมีเอกลักษณ์ด้านความสวยงามและน่าจะสร้างความตื่นเต้นให้กับวงการเทคโนโลยีได้อย่างแน่นอน เหมือนกับที่ Ive เคยสร้างปรากฏการณ์ให้กับ Apple มาแล้ว

2. ทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนได้อย่างราบรื่น

อุปกรณ์ AI ที่ทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนได้อย่างราบรื่น มีศักยภาพที่จะเป็นอนาคตของอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะได้ สิ่งที่ Rabbit R1 และ Humane AI Pin พลาดไปคือฟังก์ชั่นการใช้งานที่ค่อนข้างจะซ้ำซ้อน ซ้ำซ้อน กับสิ่งที่สมาร์ทโฟนทำได้อยู่แล้ว เช่น ผู้ใช้มีแอป AI, ผู้ช่วยเสมือน (virtual assistants), และเครื่องมือต่างๆ บนสมาร์ทโฟนที่ให้ความสามารถใกล้เคียงกัน ดังนั้น การซื้อ Gadget ที่มีความสามารถไม่ต่างกันมากคงไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภคสักเท่าไหร่

ผู้เขียนจึงมองว่า Gadget AI ควรออกแบบมาให้สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth (เช่น สายรัดข้อมือ หรือเข็มกลัด) เพื่อเพิ่มความสามารถให้ ChatGPT บนสมาร์ทโฟนได้น่าจะดีกว่า  

3. ไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน

Humane AI Pin มีข้อเสียเปรียบด้านราคาเมื่อเทียบกับ ChatGPT เพราะมีทั้งราคาเครื่องที่สูง และค่าบริการรายเดือน ในขณะที่ ChatGPT มีตัวเลือกหลากหลายราคา ตั้งแต่ฟรี จนถึง 20 ดอลลาร์ต่อเดือนสำหรับ ChatGPT Pro

เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ Gadget ของ OpenAI ยังสามารถแข่งขันในท้องตลาดได้ ผู้เขียนเสนอทางเลือกดังนี้:

1. ผนึกใน ChatGPT Plus: ให้อุปกรณ์ใช้งานได้ฟรีสำหรับสมาชิก ChatGPT Plus (20 ดอลลาร์ต่อเดือน)
2. ระดับราคาใหม่: เพิ่มระดับสมาชิกใหม่ที่ราคาสูงกว่าเดิมเล็กน้อย แต่รวมการใช้งาน Gadget ไว้ด้วย
3. ซื้อขาด: ขายอุปกรณ์แบบซื้อครั้งเดียว ไม่มีค่าบริการรายเดือน

ผู้เขียนเชื่อว่าการหลีกเลี่ยงค่าบริการรายเดือนเพิ่มเติม จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ของ OpenAI ประสบความสำเร็จ เพราะผู้บริโภคไม่ชอบการผูกมัดกับค่าใช้จ่ายต่อเนื่อ

4. ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว

ประเด็นสำคัญของเทคโนโลยี AI แบบสวมใส่คือเรื่องความเป็นส่วนตัว ดังตัวอย่างจากแว่นตา Ray-Ban ของ Meta ที่มีกล้องในตัว หากอุปกรณ์ของ OpenAI เป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่มีกล้องหรือไมโครโฟน บริษัทจำเป็นต้องสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้กับทั้งผู้ใช้และผู้คนรอบข้าง

ผู้เขียนไม่ได้ต่อต้านการใช้เทคโนโลยีที่ช่วยให้ ChatGPT สามารถรับรู้สิ่งที่ผู้ใช้มองเห็นหรือได้ยิน แต่กังวลถึงผลกระทบด้านความเป็นส่วนตัวที่อาจเป็นอันตรายต่อทั้งผู้ใช้และผู้อื่น หาก OpenAI ไม่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวในอุปกรณ์ใหม่นี้ อาจก่อให้เกิดปัญหามากกว่าประโยชน์ที่ได้รับ

5. ราคาที่เหมาะสม

นอกจากค่าบริการรายเดือนแล้ว ราคาเปิดตัวของ Humane AI Pin ที่ 699 ดอลลาร์ ถือเป็นอุปสรรคสำคัญต่อความสำเร็จ ผู้เขียนเชื่อว่า OpenAI ควรตั้งราคาผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกันให้ต่ำกว่านี้มาก เพื่อให้ประสบความสำเร็จ

เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ ผู้เขียนจึงพิจารณาในแง่ของอุปกรณ์สวมใส่ หากผลิตภัณฑ์ของ OpenAI มีลักษณะเป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับสมาร์ทโฟน ก็จำเป็นต้องแข่งขันกับอุปกรณ์สวมใส่อื่นๆ เช่น สมาร์ทวอทช์ และแหวนอัจฉริยะได้

เพื่อให้ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย และสร้างตลาดใหม่ OpenAI จำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ระยะยาว ซึ่งเริ่มต้นจากการตั้งราคาที่เข้าถึงได้