posttoday

ไม่เอาแล้ว ChatGPT สตาร์ทอัพเยอรมนีหันซบ Deepseek ลดต้นทุนมหาศาล

04 กุมภาพันธ์ 2568

หลังการเปิดตัวของ Deepseek สั่นสะเทือนวงการ AI นั่นทำให้ผู้คนต่างให้ความสนใจ บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งจึงเริ่มเปลี่ยนจาก ChatGPT มาใช้งาน Deepseek แทน

Hemanth Mandapati ซีอีโอของสตาร์ทอัพจากเยอรมนี Novo AI เป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรกที่เปลี่ยน Chatbot ที่ใช้งานในบริษัทจาก ChatGPT ของ OpenAI มาเป็น Deepseek เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน การเปลี่ยนแปลงนี้สามารถทำได้ง่ายและรวดเร็ว โดยสามารถจัดการให้เสร็จสิ้นได้ในไม่กี่นาที

 

สาเหตุที่เป็นแบบนั้นเนื่องจาก Deepseek เสนอราคาที่ถูกกว่าคู่แข่งเจ้าอื่นในท้องตลาดถึง 5 เท่า ช่วยลดต้นทุนลงอย่างมหาศาลแต่ไม่มีความแตกต่างทางคุณภาพมากนัก ส่งผลให้บริษัทน้อยใหญ่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี AI ในราคาที่ต่ำลง ซึ่งอาจส่งผลกดดันบริษัทยักษ์ใหญ่ให้ปรับปรุงคุณภาพโมเดลและราคาเพื่อการแข่งขันต่อไป

 

ที่ผ่านมาสตาร์ทอัพจากประเทศทางยุโรปประสบปัญหาในการนำเทคโนโลยี AI มาใช้งาน เนื่องจากข้อจำกัดด้านเงินทุนที่น้อยกว่าบริษัทในสหรัฐฯ แต่ทางบริษัทมองว่า Deepseek อาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมสำคัญที่ช่วยให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึง และสามารถแข่งขันกับบริษัทยักษ์ใหญ่ได้ เนื่องจาก Deepseek มีต้นทุนค่าบริการ API ถูกกว่า OpenAI ราว 20 – 40 เท่า

 

สิ่งนี้สอดคล้องกับข้อมูลที่ว่าบริษัท AI ในสหรัฐมีเงินลงทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 100,000 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ยุโรปมีเม็ดเงินลงทุนราว 15,800 ล้านดอลลาร์ ที่ผ่านมามีเพียงบริษัท Mistral จากฝรั่งเศสเพียงที่เดียวเท่านั้นซึ่งติดอันดับผู้นำด้านโมเดล AI ภายในยุโรป

 

นั่นทำให้ Deepseek ได้รับความสนใจเป็นวงกว้างภายหลังการเปิดเผยว่า DeepseekV3 ใช้ต้นทุนพัฒนาราว 6 ล้านดอลลาร์ซึ่งต่ำกว่าคู่แข่งมากแต่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน เป็นข้อพิสูจน์ว่า การพัฒนา AI ไม่จำเป็นต้องใช้ต้นทุนมหาศาลเสมอไป ช่วยเปิดโอกาสให้บริษัทขนาดกลางและเล็ก

 

อย่างไรก็ตาม Deepseek ยังมีข้อกังขาในหลายด้าน ทั้งการบิดเบือนข้อมูลงบการพัฒนาจริง, การเก็บข้อมูลในการใช้งาน ไปจนความปลอดภัยของซอฟต์แวร์ สิ่งเหล่านี้นำไปสู่การตั้งคำถามจากหลายประเทศ นำไปสู่การเฝ้าระวังและตรวจสอบที่เราต้องรอข้อเท็จจริงกันต่อไป

 

ที่มา

https://www.reuters.com/technology/artificial-intelligence/deepseek-gives-europes-tech-firms-chance-catch-up-global-ai-race-2025-02-03/