posttoday

การลงทุนในธุรกิจการเกษตรของเมียนมาในวันนี้

03 กรกฎาคม 2564

โดย กริช อึ๊งวิฑูรสถิตย์

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ผมได้รับโทรศัพพ์จากแฟนคลับท่านหนึ่ง ได้สอบถามถึงการเข้าไปลงทุนทำการเกษตรในประเทศเมียนมา ว่าช่วงนี้หากเข้าไปน่าจะมีโอกาสดีหรือเปล่า? ผมเลยตอบกลับไปว่า คงยังไม่ใช่เวลาที่จะเข้าไปในช่วงนี้นะ ขอให้รอไปก่อนจะดีกว่ามั้ย

ผมจึงได้ถามกลับไปว่า ทำไมถึงคิดว่าช่วงนี้จะดีละ เขาตอบว่าจากการที่เขาได้ประเมิน ช่วงนี้รัฐบาลเมียนมาน่าจะออกใบอนุญาตเข้าไปทำการเกษตรง่ายกว่าเวลาปกติ คงจะได้ผลประโยชน์จากการส่งเสริมการลงทุนดีกว่าปกติเช่นกัน

และอีกอย่างเขาคิดว่าคู่แข่งอย่างเช่นประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน น่าจะยังไม่มีใครอยากเข้าไปในช่วงนี้ ผมจึงตอบไปว่า ความคิดของคุณอาจจะมองด้านเดียวไปหน่อย น่าจะดูปัจจัยอื่นๆประกอบไปด้วยจะดีกว่ามั้ย

ในวันนั้นผมพยายามพูดอธิบายไปหลากหลายปัจจัย เพื่อจะกระตุกขาเขาไว้ก่อน เพราะหากเข้าไปช่วงนี้ ผมมองว่าไม่ใช่เวลาอันควรจริงๆ เหตุผลในด้านบวกที่แฟนคลับท่านนี้วิเคราะห์ไว้  ผมขอนำมาเล่าให้อ่านก่อนนะครับ สิ่งแรกเลยคือเขามองถึงการขอรับใบอนุณาตน่าจะง่ายกว่าในช่วงสถานการณ์ปกติ ซึ่งผมก็ไม่สามารถปฏิเสธเขาได้

ส่วนคู่แข่งน้อยจะทำให้เขามีความสำคัญกว่าปกติ ก็ถูกอีกนั่นแหละ แต่สิ่งที่เขาต้องเข้าใจให้ดีกว่านี้ คือสถานการณ์ปัจจุบันนี้ อย่าว่าแต่เข้าไปลงทุนเลย แม้แต่ต้องการจะหาเที่ยวบินของสายการบินที่จะบินเข้าไปกรุงย่างกุ้ง ยังแทบจะหาไม่ได้ ทั้งนี้ถ้าจะเข้าไปจริงๆ ต้องไปขอวีซ่าจากสถานฑูตเมียนมาประจำประเทศไทย แล้วจึงค่อยจองหาตั๋วเครื่องบิน ซึ่งก็มีเพื่อนสมาชิกสภาธุรกิจไทย-เมียนมา ท่านหนึ่ง ที่ทำวีซ่าเสร็จแล้ว แค่รอเครื่องบินที่จะบินเข้าไป รอแล้วรอเล่าจนกระทั้งวีซ่าหมดอายุ ก็ยังไม่สามารถจะบินเข้าไปได้เลยครับ

ประเด็นที่สอง คือ แม้คุณสามารถได้ใบอนุญาตแล้ว หรือสามารถเดินทางเข้าไปได้ แต่เงินที่คุณนำเข้าไปลงทุน ที่วันนี้อัตราแลกเปลี่ยนไม่นิ่งเลย จากช่วงก่อนการเปลี่ยนแปลงเมื่อเดือนมกราคม อยู่ที่ 1350 จ๊าดต่อ 1 US$ แต่หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว ค่าเงินจ๊าดก็ไหลลงมาตลอด แม้จะมีบางช่วงที่ปรับแข็งตัวบ้าง

แต่ท้ายที่สุด ก็ไม่มีใครสามารถตอบได้ว่าจะตกลงมาหยุดนิ่งที่กี่จ๊าดต่อหนึ่งเหรียญกันแน่ แต่ที่แน่ๆตอนนี้อยู่ที่ 1630 จ๊าดต่อหนึ่งเหรียญสหรัฐโดยประมาณ เมื่อเป็นเช่นนี้ หากค่าของเงินตกลงไปเยอะกว่านี้สักยี่สิบเปอร์เซนต์ แล้วเราจะทำอย่างไร เนื่องจากธุรกิจภาคการเกษตรนี้ เป็นธุรกิจที่ต้องใช้เวลาในการที่จะเรียกทุนคืนได้ เพราะต้องรอผลผลิตออกมาก่อน

เมื่อถึงวันนั้น หากราคาผลผลิตตกต่ำ หรือทางชายแดนประเทศไทยและประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนยังไม่เปิดละ แล้วจะจัดการอย่างไรกับผลผลิตที่จำเป็นต้องเก็บเกี่ยว เพราะลำพังหวังพึ่งตลาดในประเทศเมียนมานั้นยากมาก เหตุผลเพราะที่ประเทศเมียนมา แม้จะมีโรงงานแปรรูปเกษตรอุตสาหกรรม ต้องไม่ลืมว่าแล้วผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเราจะขายให้ใครละ ในเมื่อปลายทางยังหาทางออกไม่เจอเลย เหนื่อยมากนะครับ

นอกจากอุปสรรคของสถานการณ์ด้านการตลาดแล้ว สิ่งที่อยากให้คำนึงถึง คือสถานการณ์ด้านการเมือง-การปกครอง ที่ผมยังเป็นห่วงเรื่องความสงบที่ยังมองไม่เห็นวี่แววว่าสันติภาพจะกลับมาสู่ประเทศเมียนมาเมื่อไหร่ วันดีคืนดีเสียงปืนเสียงระเบิดดังข้างบ้าน  

เราที่นอนอยู่ตรงนั้นคงจะต้องขวัญผวากันละครับคราวนี้ ยังไม่ต้องพูดถึงการที่จะถูกชาติตะวันตกบอยคอทหรือไม่ เพราะผมคิดว่าหากมีการแซงชั่นที่รุนแรงเกิดขึ้นอีก เราในฐานะนักลงทุน คงจะนอนไม่หลับแน่นอนครับ

อีกอย่างในช่วงนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเจ้าวายร้าย COVID-19 ระลอกใหม่ ที่กำลังบุกเข้าไปในเมียนมา เริ่มเด่นชัดขึ้นทุกวัน แค่เราต้องเดินทางไปดูกิจการที่เราทำอยู่แล้ว ก็ยังยากมากเลยครับ ถ้าท่านต้องไปลงทุนใหม่ ก็ไม่น่าจะง่ายกว่าที่ทำอยู่ก่อนแล้วในขณะนี้นะครับ ดังนั้นสถานการณ์ล้วนยังไม่เป็นใจเกือบทั้งหมดครับ อย่าเพิ่งคิดไปทำเลยครับ อยู่บ้านเราตอนนี้แม้จะไม่ร่ำไม่รวยเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสุขที่เรามีอยู่ลดลงหรอกนะครับ รอจังหวะและโอกาสเปิดอีกครั้ง ส่วนจะเป็นเมื่อไหร่?หรือปีไหน? ไม่มีใครตอบได้ แต่ผมยังคงจับตาดูอย่างใกล้ชิดอยู่ตลอดเวลา

เมื่อถึงเวลานั้น ผมจะรีบเขียนบทความและเพิ่มดีกรีความร้อนแรงในการกระตุ้นพวกเราเองครับ

ภาพ-คลังภาพบางกอกโพสต์,โพสต์ทูเดย์