posttoday

วัคซีนป้องกันโควิดเข็มสอง

05 มิถุนายน 2564

โดย กริช อึ๊งวิฑูรสถิตย์

ในวันศุกร์ที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา ผมได้ไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดเข็มที่สอง เป็นที่เรียบร้อย ต้องขอขอบพระคุณผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน คงต้องเริ่มตั้งแต่รัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานศบค. โรงพยาบาลวิภารามและทีมงานแพทย์พยาบาล ที่ช่วยดูแลทุกภาคส่วนมาณ.ที่นี้ด้วยครับ 

ผมและครอบครัวสบายใจขึ้นเยอะเลยครับ ตอนนี้ต้องรอเพียงไปทำ Vaccine Passport ถ้าทุกอย่างแล้วเสร็จ ก็จะสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้แล้วครับ 

หลังจากอึดอัดมาปีกว่า เพราะก่อนหน้าที่เจ้าวายร้าย COVID-19 จะเข้ามา ผมต้องมีการเดินทางแทบจะทุกเดือนมาตลอดสามสิบกว่าปีครับ

เหตุผลที่ทำให้ผมคิดว่า การได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID นั้นสำคัญมาก แม้ข่าวที่ออกมาจะมีทั้งด้านบวกและด้านลบ โดยในช่วงแรกๆของการระบาดของโรคร้าย ผมก็ยังไม่คิดว่าจะไปรับการฉีดวัคซีน แต่พอหลังๆมา ผมเห็นภัยร้ายที่คืบคลานเข้ามาในประเทศไทยเรา ค่อนข้างจะรุนแรงมากๆ จึงเริ่มคิดว่าเราต้องรีบฉีดวัคซีนให้ได้ จะได้ไม่ต้องเป็นปัญหาให้กับคนรอบข้างและสังคม 

เหตุผลที่ผมคิดได้เพราะเริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2020 เป็นต้นมา การระบาดระลอกที่สองในประเทศเมียนมา ซึ่งผมได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการรับรู้ข่าวสารต่างๆ ตั้งแต่มีการเริ่มระบาดที่เมืองชิดต่วย รัฐยะไข่ และต่อมาก็ระบาดไปที่กรุงย่างกุ้งซึ่งเป็นสังคมเมือง ซึ่งมีสภาพไม่ต่างกับกรุงเทพฯบ้านเรา ทำให้ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์การระบาดได้ พอเดือนกันยายนปี 2020 ก็เกิดวิกฤตการณ์ที่ไม่สามารถทำอะไรได้ 

ทำให้การคมนาคมภายในประเทศถูกระงับ ธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ผมก็ได้เริ่มรีบระดมสรรพกำลังของสภาธุรกิจไทย-เมียนมาและเพื่อนๆผู้มีจิตเมตตา มาช่วยกันจัดหาและส่งอุปกรณ์การแพทย์ และโรงพยาบาลสนามไปช่วยเหลือประชาชนชาวเมียนมา ทำให้ได้รับรู้ถึงความอันตรายของการระบาดระลอกที่สอง ว่ามีความร้ายแรงเพียงใด 

นช่วงเวลานั้น ผมได้พยายามส่งสารทุกๆด้าน เพื่อเตือนมาให้ประชาชนคนไทยรับรู้ว่า  เราต้องเตรียมตัวระมัดระวังการแพร่ระบาดของเจ้าวายร้าย COVID-19 ระลอกสอง เพราะว่าประเทศไทยเรามีชายแดนติดต่อกับประเทศเมียนมายาวกว่าสองพันกิโลเมตร ซึ่งง่ายมากที่จะแพร่เข้ามาในประเทศไทย 

แต่ในช่วงนั้นยังไม่ค่อยมีคนจะรับฟังคำเตือนของผมเท่าที่ควร จนกระทั่งเริ่มมีการเลือกตั้งใหญ่ในประเทศเมียนมา ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ต่อมาเกิดมีผู้คนเดินลงถนนเพื่อทำการประท้วงอาริยะขัดขืน รัฐบาลเมียนมาเริ่มใช้มาตรการรุนแรงเข้าปราบปราม 

ผมเห็นภาพที่ส่งมาทางสื่อต่างๆ รวมทั้งที่มีการเผยแพร่ Facebook ก็น่าจะเหมือนกับที่ทุกท่านได้เห็นกัน ว่าการใส่หน้ากากอนามัยในขบวนประท้วงของผู้คนบนท้องถนนมีน้อยมาก ผมยิ่งมีความกังวลใจว่าจะมีการระบาดในประเทศไทยอย่างแน่นอน เพราะจะมีผู้คนที่ต้องลี้ภัยทั้งภัยจากโรคระบาดและภัยจากการปราบปรามของทางการเมียนมา หลบหนีเข้ามาในประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งก็เริ่มมีการระบาดเข้ามาจริงๆอย่างที่ผมกังวลใจ 

ต่อมาเราเริ่มเห็นการออกมาให้ข่าวในเชิงลบ ถึงผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีน อีกทั้งมีการให้ข่าวเรื่องคุณภาพของวัคซีนบางยี่ห้อ ยิ่งทำให้ผมมีความกังวลใจถึงความปลอดภัยของประชาชนคนไทย เพราะจะทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้าไปรับการฉีดวัคซีน ยิ่งอันตรายเป็นอย่างยิ่งเลยครับ

พอมีการเปิดรับการสมัครเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด โดยจะเริ่มให้สิทธิแก่บุคคลากรที่เป็นแนวหน้าก่อน ผมจึงให้ลูกชาย ที่ดูแลโรงแรม The Kinn Bangkok ของผม ที่เรานำมาเข้าโครงการกักกันตัวผู้เดินทางเข้ามาประเทศไทย ( Alternative State Quarantine : ASQ) ผมจึงให้ลูกชายรีบสมัครเข้ารับวัคซีนเลย ซึ่งก็โชคดีที่ได้รับอนุมัติให้เริ่มฉีดวัคซีนเข็มแรกไป เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา และในวันที่ 4 มิถุนาคมนี้ ก็ได้รับการฉีดเข็มที่สองไปด้วยความเรียบร้อยครับ โดยไม่มีอาการผลข้างเคียงใดๆเลย 

อย่างไรก็ตามผมและครอบครัวก็คงยังต้องระมัดระวังตัวเหมือนเดิม โดยการ์ดไม่ตกอย่างแน่นอนครับ เพราะผมคิดว่าการที่เราไม่ประมาทนั้น เป็นการช่วยสังคมอีกทางหนึ่ง หากเราได้รับเชื้อโรคระบาดนี้ ไม่เพียงแต่ตัวเราเองที่ไม่ปลอดภัยเท่านั้น ยังก็จะทำให้เป็นภาระของสังคมต่อไป ซึ่งสิ่งนี้ผมและครอบครัวตระหนักเป็นอย่างยิ่งครับ

ท่านที่กำลังเข้าคิวรอฉีดวัคซีนอยู่ ก็ขอให้ใจเย็นๆอีกนิด เพราะการนำเข้าวัคซีนระลอกต่อๆไป กำลังจะเข้ามาแล้วครับ ขอให้ทุกท่านจงอย่าได้เกรงกลัวอันตรายจากการฉีด เพราะไม่ได้ฉีดวัคซีนนั้นจะอันตรายกว่าเยอะ จะเป็นวัคซีนยี่ห้ออะไร ก็อย่าได้ไปกังวลมากจนเกินไป 

เพราะถ้าหากแพทย์ท่านได้วินิจฉัยแล้วว่าปลอดภัย ก็ฉีดไปเถอะครับ อย่ามัวรอจะเอาแต่ยี่ห้อนั้นยี่ห้อนี้ อะไรได้ก่อนก็รับไปก่อน เพื่อความปลอดภัยของเราเองนะครับ สู้ๆๆครับทุกคน!!!!!