posttoday

ควันหลงการเลือกตั้งในเมียนมา

14 พฤศจิกายน 2563

โดย กริช อึ๊งวิฑูรสถิตย์

วันอาทิตย์ที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา เป็นวันเลือกตั้งใหญ่ของประเทศเมียนมา ก็ได้ผ่านพ้นไปด้วยเสียงโห่ร้องกันระงม มีทั้งที่ดีใจจากผู้ชนะการเลือกตั้งและผู้สนับสนุนพรรค NLD

แต่ก็มีเสียงที่ไม่พึงพอใจจากฝั่งของผู้แพ้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายพรรค USDP หรือพรรคของกลุ่มชาติพันธุ์หลายๆพรรคครับ

นี่เป็นสัจธรรมที่เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ การแข่งขันใดๆในโลก ย่อมมีทั้งผู้แพ้และผู้ชนะเป็นเรื่องธรรมดามาก เรามาดูควันหลงที่เกิดขึ้นกันดีกว่านะครับ

ในก่อนวันเลือกตั้งนั้น นักวิจารณ์การเมืองเมียนมา รวมถึงตัวผมด้วย ต่างก็เชื่อว่า ครั้งนี้ทางพรรค NLD จะไม่ชนะถล่มทลายเหมือนการเลือกตั้งเมื่อปี 2015 แน่นอนเพราะเราต่างก็มีมุมมองกันมาจากหลากหลายทฤษฎี

ในส่วนตัวผมวิเคราะห์จากหลายปัจจัยเช่นกันเรามาดูจุดเด่นจุดด้อยที่ทำให้ผมเชื่อเช่นนั้นก่อนนะครับทำไมผมจึงมั่นใจว่าจะต้องมีผลออกมาเป็นเบี้ยหัวแตกอย่างนั้นและก็หน้าแตกหมอไม่รับเย็บขนาดนั้น

เรามาดูเหตุผลที่ทำให้ผมเชื่อว่าต้องชนะแต่ได้คะแนนไม่มากเท่ากับครั้งก่อนนะครับ

ข้อ 1. การเลือกตั้งครั้งนี้มีพรรคการเมืองลงสมัครเยอะมาก มีมากถึง 79 พรรค และพรรคการเมืองที่เป็นชนชาติพันธุ์เอง ก็สามารถลงมาสมัครในสภาผู้แทนราษฏร(Phithu Hlutaw อ่านว่า ปิตู ลูต่อ) และวุฒิสภา (Amyotha Hluttaw อ่านว่า อะเมี่ยวตา ลูต่อ) และไม่จำเป็นจะต้องลงสมัครแค่สภาชนชาติพันธุ์ (Tine Yin Thar Yae Yar Hluttaw อ่านว่า ตะหยิ่นตา เย่หย่า ลูตอ) เท่านั้น

ดังนั้นตัวเลือกย่อมมีเยอะ และอาจจะทำให้พรรค NLD ต้องถูกแบ่งที่นั่งไป

ข้อ 2. การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรค NLD ได้เปลี่ยนวิธีเลือกผู้สมัครจากเดิมที่เคยทำกล่าวคือครั้งที่ผ่านมาทางสำนักงานใหญ่ของพรรคจะเป็นผู้เคาะว่าใครเป็นผู้สมัครในเขตต่างๆ

แต่ครั้งนี้ทางพรรคให้สำนักงานสาขาของพรรคโดยมีผู้อาวุโสของสาขาพรรคตั้งคณะทำงานมาเป็นผู้เลือกตัวผู้สมัคร 3 คนส่งมาให้ทางสำนักงานใหญ่เป็นผู้เลือกเอา 1 คนมาลงสมัคร ที่เหลือ 2 คนต้องผิดหวังไม่ได้ลงสมัคร

ผมเชื่อว่าจะมีคนที่ผิดหวัง ที่ยังมีความต้องการเป็นส.ส.หรือส.ว. จะต้องดิ้นรนไปหาพรรคใหม่ที่สามารถส่งเขาลงสมัครได้

และที่สำคัญบุคคลผิดหวังไม่ได้ลงสมัครเหล่านี้เมื่อถูกเลือกเป็นตัวแทนพรรคหนึ่งในสามเขาต้องมีฐานเสียงของเขาอยู่แล้ว

ดังนั้นผมจึงเชื่อว่าครั้งนี้พรรค NLD กำลังปล่อยเสือออกจากถ้ำ มันอาจจะแว้งกัดเอาก็ได้ เหตุนี้จึงทำให้พรรค NLD จะถูกแบ่งเสียงไปอย่างแน่นอน

ข้อ 3. ช่วงสามปีแรกของสมัยที่ 2 ต้องยอมรับว่าผลงานของพรรค NLD ยังไม่โดดเด่นมากนักเพราะเป็นการเข้ามาบริหารประเทศครั้งแรก

อีกทั้งเสียงที่กล่าวหาว่าพรรคเอาคนขับรถของท่านดอร์อ่องซานซูจีมาเป็นประธานาธิบดีคือท่านอูถิ่นจ่อนั่นเอง

อีกทั้งมีการเปลี่ยนตัวประธานาธิบดีกลางสมัย โดยให้เหตุผลทางด้านสุขภาพไม่ดีนั้น ชาวประชาเขาไม่เชื่อว่าเป็นเหตุผลนั้น จึงทำให้คะแนนเสียงน่าจะตกลงไปเยอะ นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมเชื่อว่าจะทำให้ไม่สามารถได้คะแนนเสียงมากเท่าครั้งก่อน 

ในส่วนของเหตุผลที่น่าจะส่งผลดีให้กับพรรค NLD ก็มีเช่น

ข้อ 1. ต้องยอมรับว่าปัจจุบันนี้ประชาชนไม่อยากที่จะกลับไปมีชีวิตเหมือนเมื่อยี่สิบปีก่อนที่สมัยทหารปกครองประเทศอีกแล้ว ดังนั้นถ้าไม่เลือกพรรค NLD ก็เท่ากับไปเทคะแนนให้พรรคที่เลือกข้างฝ่ายทหารนั่นเอง ดังนั้นเป็นไปได้ที่จะเทมาให้ฝั่งของพรรค NLD

ข้อ 2. ต้องยอมรับว่า 2 ปีแรกในสมัยแรกที่อยู่ภายใต้รัฐบาล NLD รัฐบาลทำผลงานได้ไม่เข้าตาประชาชนมากเท่าที่ควรก็จริง

แต่ช่วง 3 ปีหลังก็แก้ตัวทำผลงานได้ดีมาก เห็นได้จากที่เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นเยอะมาก การลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) หลั่งไหลเข้าสู่ประเทศเมียนมาอย่างมากจนเป็นที่อิจฉาตาร้อนของประเทศในแถบภูมิภาคนี้มาก

ข้อ 3. หลังจากที่มีคดีความเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โรฮิงยาที่รัฐยะไข่ทำให้มีการเป็นคดีที่โด่งดังไปทั่วโลกในการนี้ทำให้ประเทศเมียนมาตกเป็นจำเลยและคดีความต้องไปสู่ขบวนการยุติธรรมกันที่ศาลโลกในกรุงเฮกประเทศเนเธอร์แลนด์

ท่านดอร์อ่องซานซูจีได้แสดงบทบาทให้ชาวเมียนมาได้ชื่นใจมากในการเป็นตัวแทนประเทศไปขึ้นการในชั้นศาลด้วยตนเองทำให้ประชาชนออกมาบนท้องถนนและให้กำลังใจกัน

โดยมีการขึ้นป้ายกันแทบจะทุกเมืองในประเทศเมียนมาซึ่งทำให้เกิดเป็นปรากฎการณ์ที่น้อยครั้งจะได้เห็นถึงความรักชาติกันอย่างรุนแรงและท่านดอร์อ่องซานซูจีก็ยังได้แสดงถึงความกล้าหาญและภาวะการเป็นผู้นำที่น่าชื่นชมยิ่ง

นี่เป็นอีกหนึ่งที่นำมาซึ่งความภาคภูมิใจของชาวเมียนมา

ข้อ 4. ต้องยอมรับว่าในช่วงหลายปีก่อนนั้นเมียนมาถูกปกครองประเทศโดยรัฐบาลทหารประชาคมโลกได้บอยคอร์ดประเทศเมียนมามานาน

แต่พอปี 2015 รัฐบาลของพรรค NLD เข้ามาบริหารประเทศเป็นต้นมา ไม่มีรัฐบาลชุดไหนที่มีผู้นำจากต่างประเทศเดินทางมาเยือนประเทศเมียนมาได้มากเท่ารัฐบาลของพรรค NLD อีกแล้ว

ตัวอย่างเช่นเมื่อต้นปีนี้ ในวันที่ 17-18 มกราคม ท่านประธานาธิบดีสี จิ้งผิง จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้เดินทางไปเยือนประเทศเมียนมา มีการลงนามสัญญาบันทึกช่วยจำมากถึงสามสิบกว่าฉบับ นี่ก็อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ได้คะแนนเสียงไปแบบเต็มๆ

ข้อ 5. การค้า-การลงทุนในเมียนมา ยุคของพรรค NLD ที่ผ่านมานั้นดีมากมีการออกกฎหมายการลงทุนใหม่หลายฉบับนิคมอุตสามหกรรมที่เคยว่างเปล่ากลับมาคึกคักอย่างมาก

ตลาดที่เคยเป็นตลาดล้าสมัย ก็ได้แปรเปลี่ยนไปเป็นตลาดที่ทันสมัยมากขึ้น การค้าการส่งออกที่เคยเป็นเรื่องตลกโปกฮา ก็กลับมาสู่ระบบที่เป็นสากลมากขึ้น นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พรรค NLD ยังคงครองใจประชาชนอีกครั้งหนึ่งก็ได้ครับ

อย่างไรก็ตาม ก่อนการเลือกตั้งผมเองเป็นคนหนึ่งที่คิดว่าพรรค NLD จะไม่สามารถชนะล้นหลามเท่าครั้งที่ผ่านมา และจะต้องเป็นการร่วมกันตั้งรัฐบาลหลายพรรค โดยมีพรรค NLD จะได้เสียงส่วนใหญ่และเป็นผู้นำในการตั้งรัฐบาลพรรคร่วมอีกครั้ง

ปรากฎว่า “ผิด” กลับกลายเป็นว่าพรรค NLD ชนะอย่างถล่มทลายมากกว่าครั้งก่อนอีก ผมขอยอมรับว่าคาดการณ์ผิดเองครับ