โดย กริช อึ๊งวิฑูรสถิตย์
ช่วงนี้การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ระลอกสองมีให้เห็นทุกวัน ในจำนวนที่น่าตกใจ เพราะทุกวันนี้เพิ่มขึ้นวันละหลักพันคน ทำให้วันนี้มีผู้ติดเชื้อสะสมมากถึง 33,488 คนเข้าไปแล้ว (ข้อมูลจากทางการเมียนมาณ.ค่ำวันที่ 16 ตุลาคม)
ซึ่งเร็วกว่าที่ทางคณะทำงานของผมคาดการณ์ใว้ เราคิดว่าจะเห็นหลักสามหมื่นในวันที่ 15 ตุลาคมด้วยซ้ำไป
ในข่าวร้ายก็มีข่าวดีเกิดขึ้นมาบ้าง คือ เมื่อวันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม ทางการเมียนมาได้มีหนังสือมายังโรงงานต่างๆหลายแห่ง โดยให้อนุญาตโรงงานเหล่านั้นเปิดดำเนินกิจการได้แล้ว แต่ต้องปฎิบัติตามกฏระเบียบของทางการเมียนมาที่กำหนดให้เท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นข่าวดีอีกชิ้นหนึ่งในสภาวะที่มีแต่ข่าวร้ายตลอดมา
ในขณะที่ทางสภาธุรกิจไทย-เมียนมาเองก็ไม่ได้หยุดนิ่งที่จะดำเนินการช่วยเหลือเพื่อนบ้านในการดำเนินโครงการ “มิตรภาพปันน้ำใจ สู้ภัย COVID-19 ประเทศเมียนมา” ก็มีธารน้ำใจที่หลั่งไหลมาไม่ขาดสายเช่นกัน
จนทำให้เรานับจำนวนสิ่งของที่จะบริจาคยากมาก แสดงให้เห็นถึงน้ำใจทุกหยดที่ชาวไทยไม่เคยขาดหายไป อย่างไรก็ตามเม็ดเงินบริจาคก็หลั่งไหลเข้ามามากเช่นกัน ทำให้ทีมงานและคณะกรรมการต่างเร่งทำงานกันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ผมต้องขอกราบขอบพระคุณทุกท่านที่มีจิตเมตตามาณ.ที่นี้ด้วย
ในวันอังคารที่ 13 ที่ผ่านมา ผมได้เดินทางไปร่วมงานมงคลสมรสของลูกเพื่อนสนิท ช่วงห้าโมงเย็น เมื่อลงจากเครื่องบินก็มีคุณอี๊ด กรรมการของสภาธุรกิจไทย-เมียนมามารับที่สนามบินไปยังที่บริษัทของผู้ประกอบการท่านหนึ่งอยู่แถบชานเมืองเชียงใหม่เพื่อไปบรรยายให้ผู้ประกอบการที่นั่นได้รับฟัง
มีผู้ร่วมสนทนาท่านหนึ่งถามผมว่า หลังจากเจ้าวายร้าย COVID-19 ระลอกสองผ่านไปผมมีความคิดเห็นอย่างไรในการลงทุนที่เมียนมา
และถ้าเป็นผู้ประกอบการขนาดเล็ก มีเงินทุนไม่มาก พอจะมีโอกาสเข้าไปได้บ้างมั้ย ผมเห็นว่าเป็นคำถามที่น่าสนใจ เลยขออนุญาตนำมาบอกเล่าให้ทุกท่านอ่านเล่นนะครับ
ก่อนที่จะเกิดการระบาดของโรคร้ายนี้เมียนมากำลังจะไปได้สวยมีโครงการลงทุนใหญ่ๆหลากหลายโครงการรวมทั้งมีประเทศที่ทุ่มลงไปลงทุนที่นั่นหลายประเทศมากผมเองก็พยายามนำมาบอกเล่าเก้าสิบผ่านทางสื่อต่างๆมากมายหลายครั้ง
แต่พอเกิดโรคระบาดรอบแรกก็ยังคิดว่าไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่เพราะทางการเมียนมาได้คุมตัวเลขติดเชื้อไว้ได้ดีมากกระทั้งถึงต้นเดือนสิงหาคมผู้ติดเชื้อสะสมก็ยังอยู่ที่สามร้อยกว่าคนและผู้เสียชีวิตมีเพียงหกคนเท่านั้น
แต่พอระลอกสองเข้ามาตัวเลขก็ก้าวกระโดดอย่างที่เห็นไม่ต้องพูดถึงการลงทุนเลยละครับด้านการค้าก็พังพินาศลงไม่เป็นท่าเช่นกันผมเองก็โม้ไม่ออกเลย
เพราะแม้แต่ตัวเองยังเอาแทบจะไม่อยู่ แต่ลึกๆผมก็ยังเชื่อว่า หากมีการค้นพบวัคซีนได้วันไหน เมื่อนั้นก็คงจะเห็นแสงสว่างอีกครั้งอย่างแน่นอนครับ
ทางสภาธุรกิจไทย-เมียนมาเองก็ได้เตรียมแผนที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยในการบุกตลาดใว้แล้วโดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางครับคือทางเราได้เตรียมเปิดคลีนิคส่งเสริมการลงทุนในเมียนมาไว้แล้วหน้าที่ของคลีนิคนี้ คือเราจะรวบรวมเอาผู้ประกอบการที่อยู่ในธุรกิจเดียวกันหรือเป็นธุรกิจต่อเนื่องทั้งต้นน้ำและปลายน้ำที่มีความประสงค์จะไปลงทุนจริงๆประมาณห้องละไม่เกินสิบคนเข้ามารับการให้ความรู้และเข้าใจในเมียนมา
โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญทั้งในไทยและในเมียนมาที่เป็นทั้งคนไทยและคนพม่ามาให้ความกระจ่างแก่ท่านแบบถึงตัวจริงๆเพื่อให้ท่านได้รับรู้ถึงพฤติกรรมของตลาดเมียนมาและวัฒนธรรมการจับจ่ายสินค้าของธุรกิจของท่านรวมถึงตลาดของท่านและคู่แข่งทั้งทางตรงทางอ้อมซึ่งจะได้วิเคราะห์ความเสี่ยงให้แก่ท่านจะได้เป็นการทำการเข้าถึงตลาดอย่างจริงจัง
ท่านจะได้ไม่ต้องเสียค่าความเสี่ยงโดยไม่จำเป็นออกไป ไม่ต้องเหมือนพวกผมที่เข้าไปตอนก่อนยุคปี 2000 และต้นปี 2000 ที่ต้องยอมรับความเสี่ยงเอง หรือพูดแบบบ้านๆก็คือไปเสียค่าโง่มาเยอะแล้ว เราจะพยายามไม่ให้ท่านเดินเส้นทางเดิมๆที่พวกเราเคยเดินครับ
ในตอนนี้เราคงต้องได้แต่รอเวลาให้สุกงอมก่อนในช่วงนี้ก็เตรียมตัวหาข้อมูลต่างๆไว้เตรียมต้อนรับผู้ประกอบการแหละครับ
ในระหว่างที่ผู้ประกอบการกำลังรออยู่นี้ พวกเราชาวคณะกรรมการทุกท่านก็เร่งทำงานด้านช่วยเหลือประเทศเมียนมาในการต่อสู้กับภัยการระบาดของ COVID-19 ระลอกสองไปพรางๆก่อนนะครับ
อีกไม่นานเกินรอครับเราจะพบกันให้ห้องคลีนิคต่อไปครับ