posttoday

ต้นทุนค่าเสียโอกาส

13 มิถุนายน 2563

มีเพื่อนที่เคยเป็นรุ่นน้องไปเรียนด้วยกันที่ใต้หวัน กลับมาธุรกิจในประเทศไทยประสบความสำเร็จด้านการค้าขายสินค้าไอทีมาก ยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกสมาคมยูนนานแห่งประเทศไทย

ได้ส่งคำถามมาสองคำถาม ผมคิดว่าน่าจะนำมาตอบในคอลัมน์นี้ครับ เพราะเชื่อว่ายังมีหลายท่านที่อยากรู้คำตอบ ท่านถามมาว่า “การที่เงินเฟ้อส่งผลกระทบด้านลบไปถึงต้นทุนค่าเสียโอกาสนั้นหมายความว่าอะไร?

อยากให้ช่วยอธิบายให้ละเอียดนิด อีกคำถามคือ ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเช่นปัจจุบันนี้การที่ลังเลจะซื้อหรือไม่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ดี จะทำให้เสียต้นทุนค่าเสียโอกาสหรือไม่” ผมขอตอบในคอลัมน์นี้

เพื่อเป็นการแชร์มุมมองนะครับ มิบังอาจทำตัวเป็นผู้เก่งกล้า รู้ดีไปเสียทุกเรื่องเพียงแต่เป็นอีกมุมมองหนึ่งก็แล้วกัน ท่านต้องใช้วิจารณญานในการตัดสินใจเอาเองครับว่าใช่หรือไม่ใช่

ถ้าผมวิเคราะห์ผิดท่านก็คิดเสียว่าเป็นการอ่านเอาตลกๆก็แล้วกัน ก่อนอื่นต้องอธิบายคำว่า “ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost)” ก่อน

อธิบายง่ายๆคือ มูลค่าของผลตอบแทนจากการดำเนินกิจกรรมหนึ่ง แล้วเราไม่ได้ทำกลับไปดำเนินกิจกรรมอีกประเภทหนึ่งแทน มูลค่ากิจกรรมแรกที่กล่าวมา ก็คือมูลค่าของต้นทุนค่าเสียโอกาสนั่นแหละครับ ถ้าจะให้ยกตัวอย่างง่ายๆ

สมมุติว่าเราทำธุรกิจไอทีที่ท่านทำอยู่ เดือนหนึ่งกำไรหนึ่งล้านบาท ท่านกลับไม่ทำแล้วหันไปขายอาหารแทนโดยทิ้งธุรกิจไอทีไป เวลาท่านคิดต้นทุนที่เป็นค่าแรงท่านนอกจากท่านต้องคิดต้นทุนคงที่ ต้นทุนผันแปรแล้ว

ท่านก็ควรจะคิดต้นทุนค่าเสียโอกาสคือค่าตัวท่านไปด้วย โดยมูลค่าต้นทุนค่าเสียโอกาสของท่านคือหนึ่งล้านบาทนั่นเอง ชัดเจนมั้ยครับ ถ้ายังไม่ชัดเจนกรุณาอ่านใหม่อีกครั้งครับ

ทีนี้เรามาดูจากบทความของผมเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้กล่าวใว้ว่า “ผลเสียของเงินเฟ้อด้านลบคือ ประชาชนจะเสียต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity cost) ในการไม่ใช้เงิน”

นั้นหมายความว่า เมื่อเกิดเงินเฟ้ออย่างรุนแรงขึ้น ดูง่ายๆว่าเงินเฟ้อรุนแรงหรือไม่ ก็ดูจากการคิดเป็นเปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ถ้าหากเป็นตัวเลขสองหลัก นั่นหมายถึงสัญญานความรุนแรงเริ่มมาแล้วครับ

ถ้าเกิดความรุนแรงของเงินเฟ้อ จะทำให้เกิดราคาสินค้าและบริการของตลาดทั่วไปมีราคาแพงขึ้น

ตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้นบนโลกเล็กๆใบนี้ ที่เราเคยเห็นก็คือที่ปรเทศอาเจนติน่า และประเทศเวเนซูเอล่า ซึ่งมียุคหนึ่งเคยเกิดภาวะเงินเฟ้อรุนแรง ทำให้ประชาชนไม่ขายสินค้าหรือกักตุนสินค้ากัน เพราะค่าของเงินเปโซตกต่ำมากอย่างรวดเร็ว

ขายของเช้าวันนี้ ตกเย็นต้องการจะซื้อของแบบเดิม เพื่อมาเติมสินค้าที่ขายออกไปก็ไม่สามารถหาซื้อในราคาเท่ากับที่ตนเองขายเมื่อเช้าไม่ได้แล้ว

ในประเทศไทยเรายังไม่เคยผ่านจุดรุนแรงแบบนี้มาก่อนนะครับ จะมีก็แค่แพงขึ้นไม่มาก ยังพอหาซื้อได้ เมื่อราคาสินค้าก้าวกระโดดเช่นนี้ ประชาชนก็จะกักตุนสินค้าที่มีอยู่ในสต๊อก หรือถ้าขายออกไป อย่างมากก็จะให้โอกาสผู้ซื้อหรือคู่ค้าโดยบอกว่า ครั้งนี้สุดท้ายแล้วนะรอบต่อไปจะปรับราคาขึ้นแล้วนะ

และโดยทั่วไปก็จะอนุญาตให้ผู้ซื้อหรือคู่ค้าซื้อได้อีกจำนวนจำกัด เพราะต้นทุนค่าวัตถุดิบขึ้นราคาแล้ว

ถ้าขืนขายในราคาเดิมก็จะทำให้การค้าขายขาดทุนนั่นเอง เรามาดูว่าประชาชนเมื่อพบกับเงินเฟ้อแล้วจะสูญเสียต้นทุนค่าเสียโอกาสในการใช้เงินอย่างไร

อธิบายง่ายๆคือประชาชนแทนที่จะนำเงินออกมาทำธุรกิจ หรือมาลงทุนซึ่งจะนำมาซึ่งผลกำไร กลับไม่กล้าทำ เพราะค่าของเงินที่แท้จริงมันด้อยค่าลงไป ทำให้ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างเต็มที่

เขาต้องคิดหนักว่าจะเอาเงินนั้นไปสร้างเม็ดเงินอย่างไร เมื่อเป็นเช่นนี้เขาอาจนำเงินนั้นไปซื้อหาสิ่งที่สร้างผลตอบแทนได้มากกว่าการซื้อมา-ขายไป หรือการนำไปลงทุนทางตรง(การสร้างโรงงานการผลิตต่างๆ)

เขากลับเอาไปลงทุนทางอ้อม (ในตลาดทุนต่างๆ) หรือนำไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น จึงทำให้เขาสูญเสียต้นทุนค่าเสียโอกาสในการใช้เงินไปไงครับ

ส่วนที่ท่านถามว่าการลังเลจะลงทุนดีหรือไม่ลงทุนดี อันนี้ก็อยู่ที่มุมมองของท่าน ท่านอาจจะเห็นว่ามีโอกาสสร้างผลกำไรจากการลงทุนอื่นก็ได้

ถ้าหากท่านไม่ทำอะไรเลย แต่นำไปฝากธนาคารเพื่อกินดอกเบี้ยอย่างเดียว นั่นแหละท่านจะเสียโอกาสไป ทำให้ต้นทุนค่าเสียโอกาสในการลงทุนสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์หรือเสียโอกาสจากผลตอบแทนในการสร้างเม็ดเงินไปครับ

ทุกๆช่วงเวลาในแต่ละยุค เรามักจะได้ยินได้ฟังว่า ยุคนี้ไม่เหมือนอดีต ทุกอย่างดูจะยากไปหมด อะไรๆก็เปลี่ยนไปหมด ทำไมมันจึงยากเย็นเข็ญใจเหลือเกิน ในความคิดของผมนะครับ ต้องบอกว่าทุกยุคทุกสมัย ก็จะมีคนที่เป็นเศรษฐีใหม่เกิดขึ้นเสมอ การสร้างตัวหรือตั้งตัวได้นั้นจะมีมาตลอดเวลา แล้วแต่มุมมองของใคร และการรู้จักใช้วิกฤติให้เป็นโอกาสของแต่ละปัจเฉกชนไป

ดังนั้นทุกท่านอย่าบ่นเลยครับ ขอเอาใจช่วยท่านนะครับ ขอให้ฝ่าฟันอุปสรรคช่วงนี้ไปให้ได้ เจ้าวายร้าย COVID19 เป็นเพียงอุปสรรคที่ค่อนข้างจะใหญ่หลวงกว่าทุกๆครั้ง

แต่ไม่มีอุปสรรคใดที่มนุษย์จะผ่านพ้นไปไม่ได้หรอกครับ เราเพียงแต่ต้อง “ทำให้ถูก รู้จักอยู่ให้เป็น” พูดง่ายแต่ทำยาก

ก็ต้องเป็นกำลังใจให้ทุกท่านสู้ๆๆๆๆนะครับ