posttoday

แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

16 พฤษภาคม 2563

โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

ในระยะนี้เราเริ่มจะมองเห็นว่าเจ้าวายร้าย COVID19 ที่เมียนมา กำลังจะผ่านพ้นไปในอีกไม่นาน ที่ผมมองโลกในแง่ดีเช่นนื้ เพราะความเอาจริงเอาจังของทางการเมียนมา อีกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อเริ่มน้อยลงทุกวัน 

ผมได้คุยกับเพื่อนที่เป็นคนไทยที่ทำการค้าและยังคงติดอยู่ที่นั่น เขาก็มีมุมมองคล้ายๆผม แต่เพื่อนที่เป็นชาวเมียนมาอีกคน เขากลับมีมุมมองต่างออกไปครับเขาคิดว่าไม่น่าจะใช่

เหตุผลของเขาคือ สาธารณสุขพื้นฐานของประเทศเขายังไม่ดีพอ ดังนั้นการตรวจร่างกายประชาชน ยังไม่สามารถทำได้ครอบคลุมหมดประสิทธิภาพของบุคคลากรทางการแพทย์เองก็ยังไม่ดีพอ นี่คือมุมมองของเขา

ดังนั้นก็แล้วแต่ว่าใครจะมองอย่างไรนะครับ แม้ว่าปัจจุบันนี้การค้าในเมียนมาจะยังไม่มีอะไรคืบหน้านัก เพราะตลาดในเมียนมาทั่วไปยังคงเงียบสงบ จะมีเปิดอยู่บ้างในบางส่วน

แต่ส่วนใหญ่จะยังคงปิดกิจการชั่วคราวอยู่ เหตุเพราะเขากลัวเจ้าวายร้าย COVID19 มาก ร้านอาหารส่วนใหญ่ก็ยังคงไม่ได้เปิด ตลาดกลางคืนที่เคยคึกคักก็เงียบเหมือนกัน

ในความคิดของผม ส่วนหนึ่งมาจากการปิดสนามบิน ไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่เมียนมา ก็คล้ายๆเมื่อสามสิบปีก่อน แม้ในช่วงนั้นไม่ได้ปิดสนามบิน แต่นักท่องเที่ยวเข้าไปน้อยมาก

การขอวีซ่าเข้าประเทศเมียนมายากมาก ทำให้ตลาดที่ย่างกุ้งไม่ค่อยคึกคักเหมือนปัจจุบันที่เกิดเหตุร้ายนี้

ดังนั้นจากตรรกะดังกล่าว การเงียบสงบของการค้า จึงเป็นเรื่องปกติในสายตาผมครับ

แต่ที่น่าจับตามองคือการลงทุนและการพัฒนาประเทศครับ หากสองขานี้มีการขยับตัว เราก็พอจะอนุมาณได้ว่า เริ่มที่จะเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงแล้วครับ

มามองที่การลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ(FDI)ก่อนนะครับ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้มีการทดลองเปิด (Test Runs)โรงงานผลิตไฟฟ้าที่ Takata

ซึ่งบริษัทที่ได้รับสัมปทานคือบริษัทสัญชาติจีน V Power Group กับ China National Technical Import and Export Corp ( CNTC) ซึ่งเขาได้เซ็นต์สัญญาสัมปทานไปเมื่อกลางปีค.ศ.2019

ต่อมาหลังจากที่ท่านประธานาธิบดีสี จิ้น ผิงมาเยือนเมียนมาเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ก็ได้กระตุ้นให้เร่งดำเนินการก่อสร้างโดยด่วน จึงมีการวางแผนที่จะสร้างให้แล้วเสร็จภายในต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่อที่จะได้เริ่มทดลองเปิดในวันที่ 13 เมษายน เพื่อรับศักราชใหม่

เพราะชาวเมียนมาเขามีความเชื่อเรื่องวันปีใหม่ในวันสงกรานต์เหมือนไทยเราครับ แต่ปรากฎว่าเจ้าวายร้ายCOVID19 เข้ามา จึงต้องล่าช้าไปหนึ่งเดือนอย่างที่ตั้งใจใว้ครับ

อย่างไรก็ตาม ก็สามารถพูดได้ว่าประสบผลสำเร็จดีเยี่ยมแล้วครับ เพราะไฟฟ้าที่ได้จากโรงงานแห่งนี้มีมากถึง 400 MW เลยทีเดียว

เขตที่จะได้รับอานิสงส์มีทั้งหมด 17 เขตในเมืองย่างกุ้งฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ ต้องบอกว่าเขตต่างๆเหล่านั้นจะเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่ แต่ละนิคมต้องการใช้ไฟฟ้าเยอะมาก ในอดีตที่ผ่านๆมา

ทุกโรงงานจะต้องมีเครื่องปั่นไฟฟ้าสำรองไว้ทุกโรงงาน ต่อไปก็จะไม่จำเป็นต้องมีอีกแล้วครับ ส่วนชาวบ้านที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ ก็จะเป็นแรงงานที่ทำงานในโรงงานเหล่านั้นกันทั้งนั้น ซึ่งจะส่งผลดีในด้านการลงทุน

นี่เป็นข่าวดีและเป็นหนึ่งในสัญญานบ่งบอกถึงแสงสว่างปลายอุโมงทางเศรษฐกิจละครับ อีกหนึ่งในสัญญานบ่งชี้ด้านการพัฒนาประเทศก็คือ การสร้างวงแหวนรอบในที่เป็นการขนส่งด้วยระบบราง ที่ทางญี่ปุ่นได้สัมปทานไป

ซึ่งสถาฑูตญี่ปุ่นประจำประเทศเมียนมาได้แถลงข่าวไปเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า การก่อสร้างรางรถไฟรอบเมือง ได้ดำเนินการซ่อมและสร้างระบบรางเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว และกำลังจะจัดส่งโบกี้รถเข้ามายังเมืองย่างกุ้งในวันที่ 11 พฤษภาคมนี้จำนวน 21 โบกี้ จากจำนวนทั้งหมด 32โบกี้ที่สั่งซื้อไป และหัวรถจักรก็จะตามเข้ามาในเร็ววันนี้ 

ซึ่งทางการรถไฟเมียนมาได้รับการช่วยเหลือด้านเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากรัฐบาลญี่ปุ่นในการพัฒนาประเทศ และมีแผนที่จะดำเนินการปรับปรุงการขนส่งระบบรางทั่วทั้งประเทศจำนวน 66 สาย การยกระดับการพัฒนาการขนส่งระบบรางนี้ จะสร้างความสะดวกสบายในการเดินทาง และในเบื้องต้นรถไฟวงแหวนรอบเมืองนี้ จะช่วยร่นระยะเวลาการเดินทางจากเดิมได้มากทีเดียว

โดยหนึ่งรอบของการเดินรถใช้เวลาเพียง 110 นาที ทั้งๆที่มีสถานีอยู่มากถึง38 สถานีเลยครับ จะเห็นว่าที่ผมคิดว่าเราจะเห็นการพัฒนาและการลงทุนในประเทศเมียนมา เริ่มที่จะสดใสขึ้นมาก หลังจากที่เจ้าวายร้าย COVID19 ผ่านพ้นไป

หากการค้ากลับมาได้สักครึ่งหนึ่งของช่วงก่อนหน้านี้ ก็จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศเมียนมาได้อย่างมีนัยยะทีเดียว แต่ถ้าโรคระบาดลากยาวออกไป เราคงต้องมาคาดการณ์กันใหม่อีกทีละครับ