posttoday

บรรยากาศรอบบ้าน

23 มีนาคม 2563

โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

ในรอบเดือนมานี้ ข่าวที่ร้อนแรงที่สุดไม่ได้เป็นข่าวการเมืองเสียแล้ว ไม่ว่าทางด้านซ้ายของประเทศไทยเรา แม้จะดูเงียบๆไปบ้าง แต่ภายใต้ความเงียบก็แฝงไปด้วยความหวาดระแวงของภัยมืดที่กำลังคืบคลานเข้ามาสู่ประเทศเพื่อนบ้านเรา นั่นคือภัยจาก COVID 19 นั่นเองครับ

เพราะด้านซ้ายมือของบ้านเรามีอยู่สองประเทศ คือ ลาวกับเวียดนาม ในขณะที่ขวามือของบ้านเราคือประเทศเมียนมา ก็มีความหวาดหวั่นไม่น้อยไปกว่ากัน ผมจะนำมาเล่าให้ท่านได้เห็นภาพต่อไปนะครับ

ทางด้านขวามือของบ้านเรานั้น เมียนมาผมได้นำมาเล่าในคอลัมน์ “เปิดประตูเมียนมา” เป็นประจำ แฟนคลับทุกท่านคงจะได้อ่านข่าวคราวของเมียนมามาโดยตลอดแค่ด้านประเทศลาวและเวียตนาม ผมไม่ค่อยได้นำมาเล่ามากนัก

เพราะเรียนตามตรงว่าระยะหลายปีมานี้ ผมมักจะเดินทางไปย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาเสียส่วนใหญ่ เพราะที่เวียดนามหุ้นส่วนผม คุณมงคล บัณฑรรุ่งโรจน์ จะเป็นผู้ดูแลธุรกิจในเคลือทั้งหมด ซึ่งก็ทำได้ดีเยี่ยม จนพวกเราหุ้นส่วนทุกคนแทบจะไม่ต้องเข้าไปช่วยยุ่งได้เลย เรียกว่าเป็น “ซุปเปอร์แมนเวียดนาม” ก็ว่าได้ ดังนั้นผมนานทีปีหนจึงจะได้เข้าไป

นอกเสียจากว่ามีเหตุจำเป็นที่ทางคุณมงคลเรียกให้ไป เราจึงจะมีโอกาสได้ไป เราจึงแต่งตั้งให้คุณมงคลเป็นผู้จัดการใหญ่ หรือที่ภาษาเวียดนามเรียกว่า “องจู๋เหลิง”นั่นเองครับ ส่วนด้านคู่ค้าทางด้านชายแดนของผม ที่ผมส่งสินค้าไปทางด่านมุกดาหารบ้าง ด่านนครพนมบ้าง ด่านหนองคายบ้าง

เขาเป็นคู่ค้าผมมาร่วมยี่สิบกว่าปี ตั้งแต่รุ่นแม่จนกระทั้งรุ่นลูก ซึ่งเป็นสุภาพสตรีรูปงามชื่อว่า “ Hien Roet Bun” และน้องเขยที่เป็นผู้ช่วยของ Hien ที่ชื่อว่า “Trinh Tuan Anh” ก็มักจะเดินทางมาเยี่ยมเยือนผมที่กรุงเทพฯเป็นประจำ จึงไม่ค่อยจะมีความจำเป็นต้องเดินทางไปพบเขาที่เมือง Vinh

ดังนั้นผมจึงจะทราบข่าวคราวอย่างใกล้ชิดของสองช่องทางดังกล่าวข้างต้นครับ

ส่วนข่าวทางด้านชายแดนติดกับไทยด้านซ้ายมือที่ใกล้ที่สุด คือ ลาว ที่นี่ผมก็จะได้ทราบข่าวจากน้องๆที่เคยทำงานร่วมกัน และเพื่อนที่ให้ความเคารพรักกัน อีกทั้งจากคู่ค้าของผม คือ ท้าวคำอู๊ด ที่ค้าขายกันมาร่วมยี่สิบกว่าปีครับ

ดังนั้นข่าวคราวของทั้งสองประเทศที่กล่าวข้างต้น จึงค่อนข้างจะทันเหตุการณ์มาก เรียกว่า “ฝนที่ตกทางโน้นหนาวถึงคนทางนี้”เลยละครับ

ที่จะขอเล่าเหตุการณ์ของ COVID19 ที่ลาวก่อน แน่นอนว่าลาวนั้นมีพื้นที่ติดชายแดนติดกับเขตสิบสองปันนา โดยเมืองที่เป็นชายแดนด้านถนน R3A ก็คือเมืองบ่อเต็น ช่วงที่โรคระบาดใหม่ๆ ทางเมืองจิ่งหง (สิบสองปันนา) เขาได้มีมาตรการที่เข้มงวดมาก

โดยจะให้นักเรียน-นักศึกษาหยุดเรียนหมด และไม่ให้ประชาชนออกนอกบ้าน อาทิตย์ละหนึ่งครั้ง บ้านหนึ่งออกมาจับจ่ายได้เพียงหนึ่งคน ดังนั้นจึงคุมได้อยู่หมัดเลยส่วนที่ในเมืองเวียงจันทร์เพิ่งจะมีข่าวล่าสุดเมื่อวันที่ 20 นี่เอง ที่เขาเริ่มปิดพรมแดนทั้งหมด

ส่วนที่เวียดนามนั้น เขาค่อนข้างจะเข้มงวดเช่นเดียวกันครับ ที่เวียดนามมีข่าวออกมาตลอด ตั้งแต่เริ่มมีข่าวที่เมืองอู่ฮั่นเกิดเรื่อง ที่นี่ก็เริ่มระแวดระวังแล้ว จนกระทั่งข่าวเริ่มแรงมากจริงๆ

คือข่าวที่มีไฮโซสองพี่น้องไปติดโรค COVID19 ที่ยุโรป ขากลับมาจากยุโรป สองพี่น้องได้นั่ง Business Class กลับมา คนที่นั่งร่วมคลาสทั้งหมด 7 คนก็ติดโรคระบาด COVID19 ไปด้วย พอกลับมาถึงฮานอย คนขับรถไปรับที่สนามบินก็เจอไปด้วย

พอข่าวดังขึ้น ทำให้ทุกคนต้องระมัดระวังตัวเองตลอด ทุกถนนหนทางจะเห็นประชาชนทั่วไปสวมหน้ากากอนามัยกันทั่วหน้า ไม่เว้นแม้แต่ในห้องประชุมทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัย ถ้าใครไม่ใส่ก็จะมีคนมองหน้ากันไปหมด ที่มองหน้าไม่ใช่ว่าโกรธแค้นนะครับ มองหน้าเพราะกลัวว่าจะเป็นสปรเดอร์พาหะนำเชื้อที่ไม่พึงปราถนามาให้มากกว่า

คุณมงคลยังพูดติดตลกว่า “สงครามเวียดนาม คนยังไม่กลัวเท่าสงคราม COVID19 เลย” มาตรการจากทางการเวียดนามคือทุกๆบริษัทจะต้องมีการตรวจเข้มพนักงานเข้าออกทุกคน นอกจากการป้องกันพื้นฐานเช่นการวัดอุณหภูมิตัว ใช้เจลล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัย สวมถุงมือแล้ว

ยังต้องมีการทำบันทึกข้อมูลการเดินทางของพนักงานทุกวัน สัมภาษณ์เรื่องสมาชิกครอบครัวทุกวัน ที่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ เพราะจะมีเจ้าหน้าที่ภาครัฐเข้ามากล่าวเตือนทุกบริษัทว่า หากมีการตรวจพบว่ามพนักงานบริษัทใดติดโรค COVID19 แล้วละก็บริษัทนั้นจะต้องหยุดทำการ 45 วันทำการ

ดังนั้นจึงทำให้ทุกบริษัทเกรงกลัวกฏหมายที่เขาเอาจริง มากกว่ากลัวติดเชื้อเสียอีกเพราะติดเชื้อยังมีโอกาสรักษาหายได้ไม่ยาก แต่ถ้าถูกสั่งปิดบริษัท รับรองว่า “เจ๊ง”แน่นอน เพราะค่าจ้างแรงงานในช่วงถูกปิดบริษัทยังต้องจ่ายตลอด การผลิตหยุดชงักหมด การค้าไม่มีคนกล้าซื้อ ต้องเรียกว่าตายทั้งเป็นเลยครับ

อีกประการหนึ่ง ที่เวียดนามเขาเอาจริงจังมาก หากบ้านใดมีผู้ติดเชื้อ COVID29ระแวกของบ้านนั้นทางการจะสั่งปิดถนน ทำการชำระล้างทำความสะอาดหมดทั้งถนนหรือที่เรียกว่า Big Cleaning เลยครับ

ในวันที่17 ที่ผ่านมา ทางการเวียดนามได้สั่งการให้ทุกๆด่านตรวจคนเข้าเมืองจัดการกับผู้เดินทางเข้าประเทศเวียดนาม ต้องถูกกักบริเวณทุกคนไม่มีการยกเว้น 14วัน ไม่มีข้ออ้างหรือเหตุผลใดๆทั้งสิ้น นี่สิครับถึงจะเอาอยู่จริงๆ ผมคิดต่อนะครับว่า

ประเทศไทยเราถึงเวลาหรือยังที่จะจัดการเช่นนี้ ขออนุญาตส่งผ่านไปยังรัฐบาลและผู้มีอำนาจด้วยนะครับ โปรดอย่ารอให้ถั่วสุกเลยครับ เดี๋ยวงาจะใหม้เสียก่อนนะครับ