posttoday

ผลกระทบจาก COVID

16 มีนาคม 2563

โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

ในช่วงไม่กี่วันนี้ ผมได้รับไลน์จากเพื่อนๆที่ห่วงหาอาทรกันถามมาว่าที่ย่างกุ้งมีปัญหาโรค Covid-19 หรือไม่ บ้างก็บอกว่าเวลาเดินทางอย่าลืมใช้หน้ากากอนามัย ป้องกันโรค Covid-19 ด้วยนะ

บางท่านเตือนหนักหน่อย บอกว่าอย่าเดินทางเลยนะ เพราะในสนามบินไม่ปลอดภัย ต้องกราบขอบพระคุณในความเป็นห่วงครับ

อย่างไรก็ตาม ผมก็ยังคงจะต้องเดินหน้าทำงานต่อไปอยู่ดีครับ เดี๋ยวไม่มีข้าวกิน...อันที่จริงแล้วผมเองก็ระวังตัวเหมือนกัน เพียงแต่ยังมั่นใจว่าเราอยู่ในเขตภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นเขตร้อน คงจะไม่ร้ายแรงมากเหมือนที่อื่น

แต่ที่เมียนมานั้น ประเทศเขาแม้จะอยู่ในระนาบเดียวกับเราในส่วนของกรุงย่างกุ้งแต่เขามีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่เหนือกว่าเรา และยังมีชายแดนติดกับประเทศจีน ที่ยาวพอๆกับชายแดนที่ยู่ติดกับประเทศไทย ความพร้อมด้านสาธารณสุขจะแย่กว่าเรา

ดังนั้นความสุ่มเสี่ยงเขาจึงมีมากกว่าเราเยอะ แต่ข่าวอิยะวดีก็มีตีข่าวเรื่องนี้กันมีหลายแง่ห ลายมุมเลยครับ จะค่อยๆเล่าสู่กันฟังครับ ช่วงที่เกิดเรื่องใหม่ๆ ผมได้ใช้ให้พนักงานไปหาซื้อหน้ากากอนามัยให้สักสามสี่กล่อง ปรากฏว่าพนักงานวิ่งหาซื้อทั่วเมืองเลย ซึ่งก็ทราบมาว่าที่เมียนมาได้มีสมาคมของชาวจีนโพ้นทะเล เขาช่วยกันระดมหาซื้อส่งไปช่วยที่เมืองวู่ฮั่นกันหมด

จนกระทั่งทางการได้ออกมาสั่งให้ร้านขายยาทั่วไปขายให้แก่บุคคลทั่วไปได้ไม่เกินคนละสองชิ้นเท่านั้น ผมจึงบอกว่าสองชิ้นก็เอา พออีกสองวันต่อมา ข่าวว่าทุกร้านหมดเกลี้ยงภายในพริบตาเลยครับ

ส่วนข่าวว่าคนติดเชื้อที่เมืองย่างกุ้ง ผมยังไม่ได้ข่าวนะครับ จะมีข่าวแต่ที่ชายแดนด้านเหนือที่ติดกับจีนเท่านั้น ที่นี่รัฐบาลยังสั่งการได้ง่ายเขาเพียงแต่ออกมาเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง คิดว่าเขาคงจะปิดข่าวเพราะเกรงว่าประชาชนจะตื่นตระหนกกันเกินไปนี่คือช่วงที่ผมอยู่ที่นั่นเมื่อประมาณต้นเดือนครับ

ต่อมาพอเข้าสู่อาทิตย์ที่สองของเดือนกุมภาพันธ์ ข่าวก็เริ่มออกมาว่า สมาคมผู้ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปแห่งเมียนมา (MGMA) ก็ออกมาให้ข่าวว่า ภายในเดือนมีนาคมนี้โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าจะต้องปิดตัวลงประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนโรงงานที่มีอยู่ในประเทศเมียนมา เนื่องจากวัตถุดิบที่เป็นผ้า ด้ายและอุปกรณ์ต่างๆเข้านำเข้ามาจากจีนเป็นส่วนใหญ่

ทั้งๆที่เมื่อก่อนปี 2010 ประเทศเมียนมาจะต้องพึ่งพาอาศัยวัตถุดิบเหล่านี้จากตลาดสำเพ็ง ตลาดวัดสนในกรุงเทพฯเกือบทั้งหมด พอเปิดประเทศ เขาก็วิ่งไปซื้อหาเองที่ประเทศจีนเลยครับ พอจีนมีปัญหาคราวนี้เลยหมดกันครับ

อย่างไรก็ตามพอเมียนมาเริ่มเปิดประเทศโรงงานการ์เม้นต์ต่างชาติเริ่มแห่แหนกันเข้ามา ที่ย่างกุ้งกัน โดยที่มีมาจากประเทศจีนทั้งหมด 263 โรงงาน มาจากเกาหลีใต้ 67โรงงาน เป็นชาติอื่นๆอีก 78โรงงาน

นอกนั้นก็จะบวกกับบริษัทท้องถิ่นอีก 92 โรงงาน รวมทั้งหมดประมาณ 500 โรงงาน มีแรงงานที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจนี้มากถึง 500,000 คน สำหรับผู้ประกอบการเองแม้ว่าสถานการณ์ในย่างกุ้งไม่ได้มีการระบาดมากเหมือนที่อื่น แต่ว่าเมื่อประเทศต้นทางอย่างจีนมมีปัญหา เขาก็ไม่มีวัตถุดิบมาทำงานอยู่ดี

ในขณะที่สถานการณ์ในประเทศจีนก็อย่างที่เราทราบๆกันดีว่า ถ้าอย่างเร็วที่สุดก็น่าจะต้องนับเดือน แม้ว่าปัจจุบันนี้โรงงานในประเทศจีนหากมีการเริ่มเปิดการทำงานเขาก็จะต้องเร่งผลิตสินค้าวัตถุดิบกัน แต่ลูกค้าที่เป็นคู่แข่งในการแย่งซึ้อวัตถุดิบจากจีนของเมียนมา เช่น กัมพูชา เวียดนาม ไทย ต่างก็ต้องการวัตถุดิบเช่นเดียวกัน ทุกโรงงานก็จะต้องแย่งกันซื้อหาวัตถุดิบ

ผมเองก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่า พอโรคภัยหายไป โรคใหม่ คือ การแย่งชิงกันซื้อหาจะทำให้ราคาสินค้าเป็นอย่างไรต่อไป ก็น่ากังวลแทนโรงงานใหม่ๆที่ความสัมพันธ์กับผู้ขายด้อยกว่าโรงงานเก่านะครับ

เมื่ออาทิตย์ที่สามของเดือนกุมภาพันธ์ ท่านรองประธานสภาธุรกิจไทย-เมียนมาคุณวิชัย เข็มทองคำ กลับมาจากย่างกุ้ง ก็แจ้งข่าวเข้ามาอีกว่า ทางการเมียนมาเริ่มจะเข้มงวดกับนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นพิเศษ มีการยกเลิกวีซ่าชาวจีนแล้ว ทำให้สนามบินแมงกะลาด่อง กรุงย่างกุ้งเงียบเหงาไปเลยครับ

อีกทั้งนักท่องเที่ยวแสวงบุญจากประเทศไทยก็เริ่มจะระมัดระวังตัวมากขึ้น เครื่องบินที่เคยแน่นๆ กับเริ่มว่างโหรงเหรงไปหมด สนามบินที่เคยแออัด และเสียงโหล้งเล้งหายไปพริบตาเลยครับ

คุณวิชัยถ่ายรูปมาให้ดูเห็นแล้วน่าใจหายจริงๆครับ ก็ได้แต่ภาวนาว่า ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง ให้หาวัคซีนป้องกันโรคนี้ได้ไวไวเถอะ ชักจะเบื่อแล้วนะ เจ้า COVID 19... !!!!!!