posttoday

ความคืบหน้าสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2

09 มีนาคม 2563

โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

หลังจากที่มีการทำพิธิเปิดใช้สะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 เมื่อเดือนตุลาคม 2019เพื่อดำเนินการตามข้อตกลงการอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าข้ามแดนซึ่งเป็นทราบกันดีว่าในอดีตที่ผ่านมาเรามีสะพานมิตรภาพแห่งเดียวเชื่อมต่อระหว่างเมืองเมียวดีกับอำเภอแม่สอด จังหวัดตากของเรา ซึ่งมีปัญหาเยอะมาก

ทำให้การค้าชายแดนที่มีมูลค่ามากที่สุดของจำนวนด่านที่มีอยู่ระหว่างสองประเทศไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ ทางฝั่งของประเทศไทยเรานั้น เรามีการเผยแพร่ข่าวกันเยอะมากแต่เราจะไม่ทราบว่าทางฝั่งเมียนมาเขาคิดหรือคาดหวังอย่างไรบ้าง

วันนี้ผมจึงอยากนำมาให้พวกเราได้อ่านกันนะครับ ในอดีตสถิติปริมาณการค้าของทั้งสองฝั่ง มักจะไม่ตรงกัน ซึ่งทางฝั่งเราตัวเลขส่งออกนั้นมักเป็นตัวเลขที่ทางฝั่งเมียนมาเขาไม่ค่อยยอมรับเท่าไหร่

เพราะว่าทางฝั่งเขามองว่าตัวเลขของไทยเราจะน้อยกว่าความเป็นจริง เพราะมีการนำเข้าที่ไม่ได้สำแดงต่อกรมศุลกากรค่อนข้างจะเยอะด้วยผมเติบโตอยู่ที่ชายแดนอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย และค้าขายข้ามฝั่งไปลาวตั้งแต่เด็กๆ

เห็นการค้าที่คนลาวข้ามฝั่งโขงมาขน(ซื้อ)สินค้าแล้วส่งออกไปแต่ละวันเยอะมาก ผมจึงมีความรู้สึกว่ายากมากที่จะห้ามไม่ให้มีการค้าขายที่ไม่สำแดงต่อศุลกากรได้ หรือจะไปบังคับให้ทุกใบสั่งซื้อจะต้องมีการสำแดงตลอดทุกใบได้ครับ ส่วนสถิติของทางฝั่งเมียนมาบอกว่า ปี 2018-2019 มีมูลค่า 5,400 ล้านเหรียญสหรัฐโดยมีการนำเข้าจากไทย 3,200 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกจากเมียนมา 2,100ล้านเหรียญสหรัฐ โดยทั้งสามด่านอันประกอบด้วยด่านแม่สอด แม่สาย และระนองโดยสัดส่วนของด่านแม่สอดมีมากถึง 70%

เหตุผลเพราะด่านนี้ใกล้นครย่างกุ้งมากที่สุดนั่นเอง มาดูกันที่มุมมองของชาวเมียนมานั้น เขาคาดหวังว่าสะพานแห่งที่สองนี้ จะทำให้การค้าแบบเดิมๆ ตัวอย่างเช่น การขนส่งสินค้าผ่านแดนที่ผ่านมา

รถขนส่งจะต้องจอดรอข้ามสะพานติดยาวเหยียดเป็นสิบกิโลเมตร เพราะรถยนต์ของทั้งสองประเทศขับกันคนละฝั่ง โดยฝั่งไทยขับชิดซ้าย ส่วนฝั่งเมียนมาขับชิดฝั่งขวาการข้ามแดนในอดีตรถยนต์ต้องไปเปลี่ยนสลับฝั่งบนสะพาน แล้วจึงรอตรวจเอกสารทั้งสองฝั่ง จึงทำให้รถติดระเบิดระเบ้อ บางวันเราจึงเห็นรถจอดรอกันยาวมากจึงทำให้เกิดท่าเรือริมฝั่งแม่น้ำเมยมากถึงร่วมยี่สิบกว่าท่า เพื่อขนส่งสินค้าข้ามแดนทางเรือหางยาว และมีวิธีการขนถ่ายด้วยสะพานลื่นเหมือนเราเล่นกันเมื่อตอนเรายังเด็กๆอยู่

พอมีสะพานมิตรภาพแห่งที่สองเกิดขึ้น เขาจึงตั้งความคาดหวังมากครับ ในข้อตกลงอีกข้อหลังจากที่มีการเปิดสะพานมิตรภาพแห่งที่สอง คือ การตกลงอนุญาตให้ยานพาหนะที่ขนส่งสินค้าจากทั้งสองประเทศ สามารถข้ามชายแดนเข้ามาสู่เมืองหลวงหรือเมืองสำคัญได้เป็นเวลา 30 วัน รายละเอียดข้อบังคับมีเยอะครับ จะไม่ขอกล่าวถึงนะครับ

เอาเป็นว่ารถไทยสามารถเข้าไปส่งสินค้า ได้ถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษนิคมอุตสาหกรรมติลาว่า และรถขนส่งจากเมียนมาสามารถส่งสินค้าเข้ามาถึงท่าเรือแหลมฉบังเลยครับเขาจึงคาดหวังว่าจะทำให้ปริมาณการค้าในปี 2020 นี้เพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาอีก 3-8% เลยทีเดียว

นี่เขาออกมาให้ข่าวหลังจากมีเหตุการณ์ผิดปกติของเศรษฐกิจโลกจากพิษสงของโรคCovid 19 นะครับ เขายังคาดว่าสะพานแห่งที่สองนี้จะทำให้ประหยัดเวลาการขนส่งสินค้าไปเยอะมาก และยังทำให้ประหยัดค่าขนส่งอีกด้วยครับ

ผลที่เกิดขึ้นนี้ทางสถิติของกระทรวงพานิชย์ของเมียนมาประกาศออกมาว่า การค้าชายแดนผ่านเมียววดี-แม่สอด สี่เดือนสุดท้ายของปี 2018-2019 มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 330 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่ผ่านมา จาก 260 ล้านเหรียญสหรัฐครับ ส่วนสินค้าที่สำคัญของเมียนมาที่ส่งออกมาไทย คือ สินค้าเกษตรพื้นฐาน สินค้าปศุสัตว์เช่นวัว ควาย และในอนาคตเราอาจจะเห็นสินค้าสำเร็จรูปอื่นๆเข้ามาบางละครับ

ส่วนสินค้าไทยก็มีสินค้าวัสดุก่อสร้าง อาหาร เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ชิ้นส่วนรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เส้นด้าย สินค้าวัตถุดิบในการผลิตอื่นๆ เป็นต้น

นี่คือความคาดหวังของเขาครับ แต่หลังจากที่มีไข้หวัด Covid 19 เข้ามา ทำให้เขาฝันสลายไปเยอะ เพราะปัจจุบันนี้โรงงานในประเทศจีนที่ผลิตสินค้าวัตถุดิบต่างๆนั้นไม่สามารถส่งออกมาขายที่ไทยได้ ทำให้โรงงานไทยเราก็จึงขาดแคลนวัตถุดิบ

โรงงานก็ต้องหยุดไลน์การผลิตไป ส่งผลกระทบถึงโรงงานในเมียนมา ที่มีใบสั่งซึ่งสินค้าจากไทยไปผลิตต่อ ผลกระทบต่อเนื่องนี้ ผมเองก็ไม่สามารถทำนายได้ว่า เมื่อไหร่เหตุการณ์จะสงบลงเสียทีครับ เอาใจช่วยกันนะครับ “ช้างสารล้ม หญ้าแพรกอย่างเราก็ต้องถูกกระทบ” โดนไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัยครับ