posttoday

ผลกระทบจากไวรัสต่อประเทศเมียนมา

10 กุมภาพันธ์ 2563

เมื่อเช้าวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา ผมได้ออกรายการวิทยุอสมท เครือข่าย 56 สถานีทั่วประเทศดังเช่นทุกสัปดาห์ ทางผู้ดำเนินรายการกู๊ดมอนิ่งอาเชียน ดร.เจษฏาได้ถามว่าสถาณการณ์ที่เมียนมาเขามีการตื่นตัวเรื่องไวรัสโคโรน่าที่หวู่ฮันกัน บ้างหรือไม่?

มีอย่างแน่นอนครับ

แต่ผมอยากจะนำมาเล่าในคอลัมน์นี้เพื่อให้เพื่อนๆได้เห็นภาพว่าการระบาดของเชื้อไวรัสครั้งนี้มันรุนแรงและส่งผลอย่างไร ก็หวังแต่เพียงว่าเมื่อบทความนี้ออกสู่สายตาท่านผู้อ่าน รัฐบาลจีนคงจะมีทางแก้ไขเรียบร้อยไปแล้วนะครับ

นี่เป็นคำอธิษฐานและความปราถนาที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวจีนที่ผมมีเชื้อชาติเดียวกันครับ

วันนี้เป็นข่าวใหญ่ที่เราไม่พูดถึงไม่ได้แล้ว เพราะเมื่อวันที่ผมบินมายังย่างกุ้งแอร์โฮสเตทได้แจกใบกรอกข้อความด้านสาธารณสุขให้ผู้โดยสารทุกคนกรอก

ทั้งๆที่ทุกครั้งก่อนหน้านี้30ปีไม่เคยมีปรากฏการณ์นี้เลย ซึ่งก็ยังความแปลกใจมาให้ผมไม่น้อย แต่พออยู่บนเครื่องบิน ก็มองดูผู้โดยสารหลายท่านใส่ผ้าปิดปาก(Mask) กันอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ก็คิดในใจว่าที่ย่างกุ้งคงรับรู้ข่าวสารเหมือนที่กรุงเทพแน่นอนครับ แต่พอมาถึงสนามบินแมงกะลาดองกลับไม่มากเหมือนที่คาดใว้ครับ คงจะมีบางส่วนเท่านั้นครับ ทำให้ใจชื้นว่าที่ย่างกุ้งคงจะไม่มีมาก

พอวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ออกอากาศทางวิทยุไปแล้ว ผมก็เข้าไปดูข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์อิยะวดีที่น้องๆในบริษัทแปลมาให้อ่าน ถึงได้รับทราบว่า โอ้...มันรุนแรงมากเลยครับ ที่กระทบมากสุดน่าจะเป็นที่รัฐฉานที่ติดกับมณฑลยูนนานของจีนเป็นส่วนใหญ่ครับ

ที่นั่นเริ่มมีข่าวว่าทางผู้ประกอบการภาคการเกษตรเมียนมาเกิดความเดือดร้อนแล้วครับ เพราะเริ่มจากผลผลิตการเกษตรได้มีปัญหาเสียแล้ว ทางผู้ซื้อได้งดสั่งซื้อแตงโมจากรัฐฉาน ทำให้แตงโมที่นั่นไม่สามารถส่งเข้าไปขายในจีนได้ ต้องส่งลงไปขายในตลาดย่างกุ้งเท่านั้น

จึงเห็นว่าขณะนี้ราคาแตงโมในย่างกุ้งตกต่ำมากๆ ที่เคยซื้อทานกันลูกละ2,000-3,000 จ๊าด ตอนนี้เหลือเพียง 1,000 จ๊าดต้นๆแล้ว นี่เป็นเพียงปฐมบทเท่านั้นนะครับ

ต่อจากนั้นอีกวันเดียว ก็เริ่มมีข่าวว่าวัว-ควาย ที่เป็นสินค้าหลักอีกตัวถูกห้ามนำเข้าจีนทางด่านมู่เจแล้วส่งออกไปทางด่านยุ่ยลี่แล้ว ทำให้ส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนเป็นอย่างมาก นี่เพิ่งผ่านพ้นการหยุดค้าขายในช่วงเทศกาลตรุษจีนมาเพียงวันสองวันเท่านั้นเอง

ก่อนหน้าตรุษจีนทางกลุ่มผู้ซื้อที่อยู่ฝั่งจีนก็หยุดค้าขายกันไปแล้วหนึ่งอาทิตย์ พอเปิดตรุษจีนความหวังที่จะได้ค้าขายก็ดับสลายเสียแล้วครับ น่างสงสารจริงๆ ซึ่งมูลค่ารวมการค้าของทั้งสองประเทศ เมื่อปีที่แล้วมีมากถึงทั้งหมด 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ

และมีพื้นที่หรือช่องทางการค้าตามชายแดนทั้งหมด 18 ช่องทางชายแดนที่ใหญ่ที่สุดคือเมืองมู่เจ-ยุ่ยลี่ นี่แหละครับ โดยจะมีด่านถาวรที่มีจุดตรวจโรคเพียงแค่ 13 แห่ง คือที่รัฐกระฉิ่น 4 จุด ที่รัฐฉาน 6 จุดที่เขตโกกั้ง 2 จุด ที่เขตหว้าเมืองลา อีก 1จุดเท่านั้น อีก 5 ด่านที่เป็นด่านผ่อนปรนไม่มีเลย

ดังนั้นจึงเป็นที่น่ากังวลใจเป็นอย่างยิ่งครับ ในขณะที่สินค้าการเกษตรอื่นๆที่การเน่าเสียช้าหน่อย เช่นข้าวสาร และข้าวโพด เขาก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่ยังพอทำเนาครับ เพราะเขาสามารถส่งออกทางเรือได้บ้าง

ในขณะที่สินค้าบางส่วนต้องเบนเข็มมาส่งออกทางชายแดนไทย ดังนั้นนี่ก็เป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยนะครับ ถ้าใครคิดจะซื้อสินค้าการเกษตรจากเมียนมาก็สามารถทำได้เลยครับ จะเป็นการช่วยเขาได้อีกทางหนึ่งและหาผลกำไรได้ดีอย่างแน่นอนครับ

ในขณะที่เรื่องของแรงงานที่เข้าไปทำงานที่ประเทศจีน ผ่านช่องทางผ่านแดนทางธรรมชาติ และที่เข้าไปแบบถูกกฏหมาย ก็มีมากเหมือนๆกับที่เขามาที่ไทยเช่นกัน หลังจากวันหยุดเทศกาลตรุษจีน ก็ได้มีชาวแรงงานเมียนมาเดินทางกลับบ้านเกิดกัน พอเปิดงานหลังวันหยุด ก็ไม่สามารถเข้าไปทำงานได้อีก

ที่หนักไปกว่านั้นคือพวกที่ตกค้างไม่ได้กลับมาตรุษจีนที่บ้าน คนงานเหล่านี้ส่วนใหญ่จะทำงานกันที่ฟาร์มปศุสัตว์ ร้านอาหาร และงานก่อสร้าง พวกที่เลี้ยงสัตว์ส่วนใหญ่จะช่วยเหลือเจ้าของฟาร์มดูแลสัตว์

ในขณะที่เจ้าของได้เดินทางกลับบ้านเกิดตนเอง พอหมดตรุษจีนก็กลับมาไม่ได้ เพราะทางการห้ามเดินทางออกนอกพื้นที่ แรงงานเมียนมาก็อดเลยครับ หาอาหารกันตามมีตามเกิดเลย

ข่าวรายงานมาว่ามีแรงงานที่พยายามจะกลับเข้ามาที่ด่านซินเพียว เมืองมู่เจ ถูกกักกันใว้ 14 วัน เพื่อรอดูอาการ 158 คนในช่วงหลังตรุษจีน ส่วนแรงงานเมียนมาที่มีจำนวนนับแสนคน ในสถานการณ์ปกติจะมีการข้ามไปมาที่ด่านเมืองยุ่ยลี่วันละ 20,000 คน

วันนี้เงียบเหงาไปหมดเลยครับ กลับมาที่ย่างกุ้ง วันนี้ยังไม่มีรายงานข่าวผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า แต่ทางการกำลังจับตาดูนักท่องเที่ยวจีนอยู่เช่นกันครับ หวังว่าจะมีข่าวดีเกี่ยวกับการรักษาในเร็ววันนี้นะครับ สาธุ สาธุ สาธุ