posttoday

การบินลงอย่างนุมนวลของเศรษฐกิจ

25 มกราคม 2563

กริช   อึ้งวิฑูรย์สถิตย์

กริช   อึ้งวิฑูรย์สถิตย์

ในช่วงหลังปีใหม่ที่ผ่านมา ผมได้เดินทางไปกรุงย่างกุ้ง เมียนมา เพื่อปฏิบัติภาระกิจที่บริษัทเช่นเคย สิ่งที่ได้พบเจอคือการที่รัฐบาลได้นำเอาธนบัตรใหม่ที่มีรูปท่านนายพล ออง ซาน ออกมาใช้

ตามที่ทางรัฐบาลได้เคยประกาศใว้ และผมได้นำมาเขียนในคอลัมม์นี้มาแล้วนั่นเอง ซึ่งครั้งนั้นผมได้เคยนำมาเล่าและคาดการว่าคงจะส่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจในเชิงบวกอย่างแรงแน่นอน เพราะเหตุที่การเพิ่มปริมาณเงินอัดฉีดเข้าสู่ระบบอย่างมาก จะทำให้การหมุนของเงินหรือ M1 มีมากขึ้น จะส่งผลให้ปริมาณเงินในระบบเพิ่มมากขึ้น ซึ่งครั้งนี้วัตถุประสงค์หลักของรัฐบาลคือ ต้องการให้เงินดำหรือเงินที่ไม่สามารถแจ้งที่มาได้ ที่มีอยู่ในมือของประชาชนทั่วไป และมีมากถึงหนึ่งเท่าของรายได้ประชาชาติหรือ GDP เข้าสู่ตลาดทั่วไป ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รุนแรงมาก

แต่ผิดคาดครับ ทางการเมียนมาได้ปล่อยธนบัตรใบละ 1,000 จ๊าดแบบเดียวเท่านั้น ไม่ได้ปล่อยออกมาทั้งหมดทุกมูลค่าของธนบัตรทุกชนิดตามที่ประชาชนทั่วไปคาดการใว้แต่ต้น ถือว่าเป็นการดำเนินการที่ชาญฉลาดมากๆของรัฐบาลพรรค NLD ของท่านออง ซาน ซูจี เพราะการดำเนินการเช่นนี้ เท่ากับการบินลงอย่างนุ่มนวลของเครื่องบินทางเศรษฐกิจนั่นเอง ไม่ทำให้ระบบเศรษฐกิจช้ำเกินไป

เพราะที่ผ่านมาสามครั้งในการเปลี่ยนแปลงและยกเลิกการใช้ธนบัตรของเมียนมา ที่เคยทำมาจากรัฐบาลชุดเก่าๆ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงมาก ชาวบ้านบางคนที่ตามไม่ทัน ถึงกับสิ้นเนื้อสิ้นตัวเลยก็มีครับ บางคนที่ทันกับสถาณการณ์ก็ร่ำรวยไปเลยก็มีครับ อยู่ที่ว่าใครฉลาดกว่ากันนั่นเอง แต่ครั้งนี้รัฐบาลเลือกการดำเนินการที่ค่อยเป็นค่อยไป ด้วยการปล่อยธนบัตรใบละ 1,000 จ๊าดออกมาก่อน แล้วค่อยๆแทรกแซงด้วยการเก็บธนบัตรใบละ 1,000 จ๊าดเก่ากลับไปทำลาย ซึ่งโดยทั่วไปประเทศที่เจริญแล้วเขาจะดำเนินการในลักษณะเช่นนี้ทั้งนั้น แต่ที่ผ่านมา รัฐบาลเมียนมาชุดเก่าๆเขาจะหักดิบเลย ดังนั้นครั้งนี้จึงไม่เป็นการกระทบระบบเศรษฐกิจมากจนเกินไป

ในขณะเดียวกันนั้น เงินดำที่มีอยู่ในมือของประชาชนก็จะค่อยๆไหลเข้าสู่ระบบในจำนวนที่ไม่มากเกินไป กระแสเงินจึงไหลเข้าสู่ระบบอย่างทีละน้อย เพราะธนบัตรในปัจจุบันนี้ของเมียนมามีอยู่คือ 50 100 500 1,000 5,000 10,000 ดังนั้นการที่รัฐบาลเริ่มที่ใบละ 1,000 จ๊าดก่อน ถือว่าฉลาดมากๆ เราคงต้องรอดูต่อไปว่าทางการจะดำเนินการเปลี่ยนธนบัตรต่อเนื่องอีกหรือไม่ครับ และจะเปลี่ยนใบละเท่าไหร่ต่อไป ซึ่งคาดเดาได้ยากเหมือนกันครับ เพราะครั้งนี้ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาเริ่ม “เป็นงาน”แล้วจริงๆครับ ไม่เหมือนรัฐบาลก่อนๆอีกต่อไปแล้วนั่นเอง ถ้าเป็นเครื่องบินก็ต้องบอกว่ากัปตันคนนี้เก่งมาก นำเครื่องบินลงได้นุ่มนวล Soft Landing มากครับ

ในขณะที่ในท้องตลาด การดำเนินการค้ายังคงไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนักครับ ไม่เหมือนยุคที่เปลี่ยนแปลงเงินตราใน 3 ครั้งที่ผ่านมา ครั้งนั้นส่งผลกระทบที่แรงมากๆ เพราะทำให้เกิดการยกเลิกเงิน ประชาชนบางคนที่ถือเงินดำอยู่ในมือก็ไม่กล้านำออกมาเปลี่ยนเงินใหม่ เพราะเงินที่มีที่มาไม่ถูกต้อง หากมีการสอบสวนที่มาที่ไปของเงิน ก็จะมีความผิดอีก ครั้นจะเก็บใว้ไม่ไปแลก เงินก็จะศูนย์ค่าเป็นเศษกระดาษ จึงทำให้บางคนตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำอย่างไรดี อย่างผมเคยเล่าให้ฟังว่า มีเพื่อนที่เดินทางไปต่างประเทศแล้วกลับมาแลกเงินไม่ทันตามเวลาที่ทางการกำหนด กลับมาเงินกลายเป็นเศษกระดาษทันที ส่วนพวกที่ทำการค้าสิ่งที่ผิดกฏหมาย ก็มีชนักติดหลัง จึงไม่กล้านำเงินไปแลก ก็ต้องหาทางใช้คนที่มือสะอาดไปแลก พวกนี้เขาก็ต้องยอมรับชะตากรรมก็มีครับ

ผมคิดว่านักการเมืองรุ่นใหม่ของรัฐบาลเมียนมาที่เก่งๆมีอยู่เยอะ ที่ผมได้มีความสัมพันธ์ด้วยบางท่าน ก็มีความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ดีมาก บางท่านความรู้ด้านภาษาอังกฤษดีมากๆ แน่นอนว่าก็มีที่คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องก็มี อย่างไรก็ตามผมก็เชื่อว่า ภายใต้การนำของท่านอ่อง ซาน ซูจี ท่านเลือกใช้คนที่ถูกกับงานได้ดีมาก เห็นได้จากการดำเนินการใช้ยาแรงด้านการอัดฉีดระบบเศรษฐกิจที่ต้องการกระตุ้นมากๆ เขาก็จะไม่ลังเลที่จะใช้นโยบายการเงินที่ค่อนข้างจะแรง พร้อมทั้งการใช้นโยบายเพิ่มภาษีลดภาษี ในการดับความร้อนแรงของตลาดเงิน หรือเร่งให้ความร้อนแรงของกระแสเงินในตลาด เขาก็กล้าที่จะทำ โดยไม่ลังเลเลย ผมเองอดที่จะชื่นชมความกล้าหาญเช่นนี้ไม่ได้ครับ

อยากให้รัฐบาลไทยมีความกล้าหาญและกล้าที่จะประกาศให้ประชาชนทราบถึงวัตถุประสงค์จริงๆ ไม่ต้องอ้อมค้อมหรือเกรงกลัวนักการเมืองมากนัก ประเทศชาติจึงจะเดินหน้าต่อไปได้ครับ