posttoday

การเปลี่ยนแปลงเงินตราของเมียนมา

21 ตุลาคม 2562

โดย กริช อุ๊งวิฑูรย์สถิตย์

เมื่อสองอาทิตย์ก่อน ผมได้นั่งคุยกับทนายความชาวเมียนมา พร้อมทั้งเพื่อนที่ทำธุรกิจชาวเมียนมา เขาเล่าให้ผมฟังว่า รัฐบาลเมียนมาได้ผ่านกฎหมายเรื่องการยกเลิกการใช้ธนบัตรรัฐบาล ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจและเป็นกังวลเป็นอย่างยิ่ง

เพราะในชีวิตผมเกือบครึ่งชีวิตที่ได้มีโอกาสใช้ชีวิตที่นี่ (30ปี) ผมเคยพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้มา 3ครั้ง และทุกครั้งชาวบ้านตาดำๆจะต้องรับเคราะห์กรรมทุกครั้งไป จึงอยากจะนำมาเล่าให้ทุกท่านได้อ่านเล่นๆครับ

ในประเทศเมียนมาอดีตเมื่อครั้งผมยังเรียนหนังสืออยู่บนดอยแม่สะลองที่อำเภอแม่สายเป็นแหล่งที่พวกเราต้องไปออกันอยู่ที่นั่น เพื่อที่จะรอเพื่อนๆมานัดเที่ยวที่นี่ และรอนัดพบแล้วขึ้นดอยไปพร้อมๆกัน

ทุกครั้งที่อยู่แม่สาย พวกเราไม่มีอะไรทำ ก็ข้ามไปเที่ยวฝั่งพม่า เมืองท่าขี้เหล็ก ในยุคนั้นอัตราแลกเปลี่ยนเงินจ๊าดต่อบาท ค่าเงินจ๊าดแข็งค่ากว่าเราเยอะมาก ดังนั้นเงินจ๊าดจึงมีการใช้เหรียญกษาปณ์อยู่ เหรียญที่นี่รูปร่างหน้าตาก็แปลกๆไม่เหมือนของไทยเรา คือ มีทั้งเหรียญสี่เหลี่ยม เหรียญเจาะรูตรงกลาง เป็นต้น

ต่อมาไม่นาน ในช่วงที่ผมเรียนอยู่บนดอยนั้น ทางการเมียนมาในยุคนั้นก็ประกาศยกเลิกการใช้เหรียญไป นั่นคือ ครั้งที่หนึ่งที่ผมได้เห็น เพื่อนๆที่เรียนด้วยกันมาจากพม่าก็ไม่น้อย จึงทราบถึงความยากลำบากของเพื่อนครับ

ครั้งที่สองในเวลาต่อมา คือในอดีตพม่าเองมีธนบัตรใบละ 5. 15, 25, 45, 90, 200, 500, จ๊าดเท่านั้น ปรากฏว่าทางการก็ประกาศยกเลิกการใช้ธนบัตรใบละ 5,15,45 จ๊าดก่อน ครั้งนี้เริ่มเห็นความเจ็บปวดของเพื่อนฝูงแล้ว เพราะผมเริ่มเข้ามาทำธุรกิจในเมียนมาแล้ว

เพื่อนๆเล่าให้ฟังว่า ใครมีธนบัตรเหล่านั้นอยู่ในมือ โดยเปลี่ยนไม่ทันกำหนด ก็เจ็บตัวไป เงินกลายเป็นเศษกระดาษทันที เพื่อนๆหลายคนที่เป็นชาวจีนในเมียนมา เรียกว่าตกระกำลำบากกันเป็นทิวแถวเลยครับ

ผมมีเพื่อนชาวเมียนมาที่นิยมเก็บเงินสดใว้ที่บ้าน เพราะไม่ใว้ใจธนาคาร เหตุเพราะหากทางการเมียนมาต้องการตรวจสอบ ธนาคารจะปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลไม่ได้ และถ้าเงินไม่สามารถจะแจงที่มาที่ไปของเงินเหล่านั้นได้ ก็อาจจะถูกยึดทรัพย์ได้

ดังนั้นเขาจึงไม่นิยมนำไปฝากใว้ที่ธนาคาร พอทางการประกาศยกเลิกธนบัตรตัวเขาอยู่ระหว่างพาครอบครัวไปเยี่ยมญาติที่สหรัฐอเมริกา แต่ตัวเองมีเงินสดเก็บใว้มาก ก็กลับมาไม่ทันเวลาเอาไปแลกที่ธนาคารได้จึงกลายไปเป็นเศษกระดาษไปตามระเบียบ

ครั้งที่สามทางการได้ยกเลิกธนบัตรใบละ 90 จ๊าด คราวนี้เจ็บกันไม่เยอะ เพราะประชาชนทั่วไปเริ่มมีประสบการณ์ อีกอย่างระบบธนาคารเริ่มจะเข้าที่เข้าทางแล้ว พอยกเลิกเลยกระทบไม่มากเหมือนครั้งที่สองครับ

มาวันนี้ประเทศเมียนมาได้เปิดอิสระเสรีมากกว่า 70 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นประชาชนก็คงไม่กระทบมากนัก ผมมีถามเพื่อนทนายความและเพื่อนที่ทำธุรกิจอีกท่านว่า เหตุผลที่แท้จริงที่ทางการต้องการทำเพื่ออะไร เขาตอบว่าเนื่องจากในประเทศเมียนมาเงินดำ หรือ เงินที่ไม่สามารถแจงที่มาที่ไปได้มีมาก

ซึ่งมีนัยยะต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศมากเช่นกัน ดังนั้นการเปิดโอกาสให้เงินดำเหล่านั้นเข้าสู่ระบบทางการเมียนมาจึงใช้วิธีประกาศให้ประชาชนนำเอาธนบัตรเก่าทั้งหมดมาแลกธนบัตรใหม่ได้ โดยจะไม่ตรวจสอบย้อนหลัง

จึงเป็นโอกาสดีของพวกที่ถือเงินดำนั่นเอง โดยคาดว่าจะมีผลตามประกาศในวันที่ 1 ธันวาคม 2019 นี้เป็นต้นไปครับ ผลกระทบที่จะตามมาจากการประกาศครั้งนี้ คือ ปริมาณเงินในระบบ ทั้ง M1,M2,M3 จะมีเพิ่มขึ้นมาก เมื่อเงินสดหมุนเวียนในระบบมีมากก็จะไปกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยทุกๆภาคส่วน

แน่นอนว่านโยบายที่ประกาศใช้ในอัตรภาษีซื้อ-ขายที่มีผลในวันที่ 1 ตุลาคม 2019 จะช่วยให้ประชาชนหันมาซื้อ-ขายกันมากขึ้น ตลาดที่น่าจับตามอง คือ ตลาดกลุ่มสินค้าอุปโภค-บริโภค ตลาดกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ตลาดกลุ่มยานยนต์ เป็นต้น

นี่จะทำให้เศรษฐกิจคึกคักทันตาเห็นเลยครับ ประเทศเมียนมาที่ผมรู้จักมาสามสิบปี นโยบายแต่ละอย่างที่ประกาศออกมาใช้ จะเห็นว่าเขาเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้ง จะชอบกระตุ้นแรงๆ และไม่ต้องมีการคัดค้านกันมากนัก แม้จะคัดค้านก็สำเร็จยาก

เพราะเขาเป็นรัฐบาลที่ชอบสั่งซ้ายหันขวาหันได้ประเภททำแล้วหน่อมแน้มไม่ค่อยจะเห็นนะครับ ไม่เหมือนกับบางประเทศประชาธิปไตยเต็มใบทั่วไป จะทำอะไรที จะออกกฏหมายทีก็ต้องมีการคัดค้านกันสนุกสนานตลอดเลย ต้องพูดว่าที่เมียนมาทำทีต้องสุดซอย

เอ๊ะ คำนี้คล้ายๆเคยได้ยินที่ไหนน๊านี่?????