posttoday

กลโกงของซุปเปอร์มาเก็ต

16 กันยายน 2562

โดย กริช อุ๊งวิฑูรย์สถิตย์

เมื่ออาทิตย์ที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ผมว่างเว้นจากการไปย่างกุ้ง เพราะว่าน้องๆที่บริษัทต้องเข้ามากรุงเทพฯ เพื่อมาเรียนรู้วิธีการขายไส้กรอกที่บริษัท ส.ขอนแก่น จำกัด(มหาชน)กันหลายคน ผมจึงไม่ต้องเดินทางไปย่างกุ้ง อาทิตย์นี้ผมจึงพักผ่อนอยู่ที่บ้านอย่างสบายใจครับ

ปรากฏว่าผมชวนศรีภรรยาออกไปทานข้าวนอกบ้าน ศรีภรรยาก็ไม่อยากออกไป จึงได้ชวนกันว่า เราไปซื้อเนื้อหมูที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง ที่อยู่ใกล้บ้าน มาย่างหมูทานกันเถอะ ผมจึงอาสาออกไปเพื่อเลือกซื้อเนื้อหมูมาทานกันที่บ้าน ซึ่งที่บ้านเรื่องเครื่องเคียงและน้ำปรุงรส น้ำจิ้มเรามีครบ

เพียงแต่เอาเนื้อหมูดีๆมาก็สามารถอิ่มเอมกันได้แล้ว ผมจึงออกไปพร้อมบุตรชายไปเลือกซื้อกัน พอเลือกกันเสร็จก็ไม่ที่แคสเชียร์คิดเงิน ปัญหาจึงเกิดครับ

ปกติผมจะไม่ค่อยมองดูพนักงานคิดเงินหรอกครับ แต่วันนี้ผมสังเกตุดูพนักงานที่มาคิดเงินให้ผมเป็นผู้หญิงอายุประมาณสามสิบกว่าๆ (ที่ไม่ได้จดจำชื่อเขาใว้ เพราะไม่อยากจะทำร้ายเขา) เขายิงสแกนบาร์โค้ดซ้ำกันสองครั้งสินค้า 5 ชิ้น แต่สแกนไป 6 ครั้ง ผมจึงได้บอกเขาว่า "น้องครับ ผมมีสินค้า 5 ชิ้นนะครับ" เขาบอกว่า "ใช่คะ" แต่พอปริ้นท์ใบเสร็จรับเงินออกมา ผมจึงตรวจดู

กลโกงของซุปเปอร์มาเก็ต

ปรากฏว่าเป็นอย่างที่ผมคิด คือ มีรายการอยู่ 6 รายการ ผมจึงหันกลับไปจะบอกเขาปรากฏว่าเขารีบเดินขึ้นไปชั้นสามเสียแล้ว ผมจึงไปบอกแคชเชียร์คนข้างๆว่า น้องคนเมื่อครู่นี้เขาทำรายการผิด ช่วยเรียกมาพบผมหน่อย เขาจึงไปตามแคชเชียร์คนเดิมมาให้ พอมาถึงผมก็นำสินค้าให้เขาตรวจนับและแจ้งเขาว่า เมื่อครู่นี้ผมก็บอกคุณแล้วว่าสินค้าที่ผมซื้อทั้งหมด 5 ชิ้น คุณก็ตอบว่าค่ะ

แล้วทำไมในบิลจึงเป็น 6 รายการ เขาก็บอกว่า "ขอโทษค่ะ" พร้อมทั้งล้วงเงินในกระเป๋าส่วนตัวเพื่อคืนให้ผม ผมจึงรีบบอกไปว่า "ผมไม่รับครับ คุณทำไม่ถูกต้อง ควรต้องยกเลิกบิลเก่า หรือ วอยส์บิลทิ้ง แล้วออกบิลใหม่ให้ผม"

เขาจึงเข้าไปในช่องแคชเชียร์ใหม่ แต่ก็แสดงสีหน้าไม่พอใจนัก รีบจัดการพิมพ์โน้น นี่ นั่น อยู่นานสิบนาที ก็ทำไม่สำเร็จ พอดีมีผู้จัดการร้านเดินมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผมจึงบอกเหตุไป ผู้จัดการจึงบอกให้เขาทำอย่างนั้นอย่างนี้ อยู่สักพัก จึงออกใบแจ้งยกเลิก พร้อมทั้งให้ผมเซ็นต์ชื่อ พร้อมทั้งขอโทษผม ผมก็ได้แต่บอกว่า "ผมไม่พอใจกับพฤติกรรมเช่นนี้เลยนะ เพราะเป็นการโกงผู้บริโภค แม้เงินจะไม่มากก็ตาม"
ผู้จัดการช่วยเขาแก้ตัวว่า เขาเป็นพนักงานใหม่ ต้องขอโทษด้วยซึ่งในใจผมคิดว่าผู้จัดการคงอยากจะช่วยลูกน้อง เพราะไม่เห็นเขาตำหนิลูกน้องสักคำ และผมก็ไม่เชื่อว่านี่เป็นพนักงานใหม่หรือทำเป็นครั้งแรก
เพราะเขาพิมพ์แป้นพิมพ์ได้คล่องมาก แต่ผมก็ไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงอีก

เพราะอยากจะออกมาให้พ้นๆกับบรรยากาศที่ใกล้ชิด "คนขี้โกง" ครับ ผมคิดว่าผู้บริโภคโดยส่วนมาก มักจะไม่ค่อยสังเกตุพฤติกรรมของพนักงานขาย โดยเฉพาะการคิดเงินของแคชเชียร์ห้างสรรพสินค้าหรือซูเปอร์มาเก็ต เรามักจะเชื่อใจเขา เพราะเขาจะใช้ตัวสแกนบาร์โค้ดยิงไปที่บาร์โค้ด ซึ่งเรามักจะไม่มองดู เพราะเชื่อว่าเขาคงไม่โกง หากเขายิงซ้ำเราจะไม่รู้เลย

และเราเองก็มักจะไม่ตรวจใบเสร็จรับเงินหรือบิลที่เขาปริ้นท์มาให้หรอกครับอาจจะเป็นเพราะขี้เกียจตรวจ นี่จึงเป็นช่องทางที่ทำให้พนักงานแคชเชียร์โกงกันได้ง่ายๆหรือทำจนเคยตัว ผมเองก็ไม่เคยตรวจสอบดูเลย มาครั้งนี้คงเป็นเพราะดวงซวยของพนักงานซูเปอร์มาร์เก็ต สาขานั้น

ที่ผมเกิดอยากมองเห็นเขายิงซ้ำ แต่ก็พยายามบอกเขาไปแล้วว่า สินค้ามี 5 ชิ้นนะครับเขายังยืนยันว่า "ค่ะ" แล้วยัง "เจตนา" ทำผิดอีก จะให้อภัยเขาดีมั้ยนี่ สิ่งหนึ่งที่ต้องบอกเพื่อนๆว่า หากเราจับได้ว่าเขาทำผิด
ก็อย่ารับแค่เงินคืนอย่างเดียวนะครับ เพราะนั่นเป็นการให้อภัยเขาโดยปริยาย

เราต้องให้เขาวอยส์บิลใหม่ให้เรา และเขาต้องออกใบคืนเงินให้เราอย่างเป็นทางการนะครับ เพราะเขาจะต้องส่งรายงานให้ฝ่ายตรวจสอบของบริษัทมาตรวจสอบบัญชีอีกครั้ง เหตุผลเพราะกลโกงของเขาหากเรารับเงินคืนอย่างเดียว เขาก็สามารถใช้วิธีนี้ทำกับคนอื่นๆได้อีก

ทุกๆร้านค้าถ้าให้พนักงานแคชเชียร์ สามารถแก้ไขบิลได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องมีผู้มีอำนาจเซ็นต์รับทราบ พอเราไม่ทราบเรื่องการโกงของเขา เขาก็สามารถแก้ไขลับหลังเราได้ แล้วเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองไปอย่างลอยนวลครับ

ช่วยๆกันดูนะครับ เพื่อแก้ไขให้แก่สังคมไทยเรา จะได้ลดการคอรัปชั่นในสังคม สิ่งเล็กๆน้อยเราต้องช่วยกันครับ อย่าปล่อยลอยนวล