posttoday

ศรี ปรากาซ โลเฮีย เจ้าสัวใหญ่ของอินโดนีเซีย

30 ตุลาคม 2560

"อย่ากลัวที่จะเริ่มต้น" ความกลัวเป็นสิ่งที่ฉุดรั้งเรา ความกลัวทำให้ใครหลายคนยังคงอยู่ในฐานะเครื่องมือการผลิต

โดย...ทศพล หงษ์ทอง

"อย่ากลัวที่จะเริ่มต้น" ความกลัวเป็นสิ่งที่ฉุดรั้งเรา ความกลัวทำให้ใครหลายคนยังคงอยู่ในฐานะเครื่องมือการผลิต มิใช่ผู้ผลิตหรือผู้ครอบครองผลผลิต บ่อยครั้งที่เราปิดประตูเมื่อใครบางคนพูดถึงคำว่าการลงทุน แต่ไม่ใช่สำหรับชายผู้นี้ที่ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีแถวหน้าของอาเซียนด้วยมูลค่าทรัพย์สินมากกว่า 2 แสนล้านบาท ทั้งยังเป็นผู้กุมบังเหียนบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจในทุกหัวมุมโลก

ศรี ปรากาซ โลเฮีย แทบจะเริ่มต้นจากมือเปล่า เมื่อครอบครัวของเขาต้องระเห็จระเหิดเข้ามาในอินโดนีเซีย ทำให้ชีวิตวัยรุ่นของเขาต้องพบกับความยากลำบากตามประสาผู้หลบหนีเข้าเมือง แต่ครอบครัวของเขาไม่กลัวการเริ่มต้น จึงอาศัยคอนเนกชั่นจากประเทศอินเดียเปิดธุรกิจค้าขายเสื้อผ้าและเส้นใยในเมืองปูร์วาการ์ตา รัฐชวาตะวันตก เมื่อกิจการมั่นคงขึ้นจากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นจากประชากรจำนวนมากในดินแดนอิเหนา ตระกูลโลเฮียได้เกิดความคิดว่าจะเปลี่ยนจากสถานะพ่อค้าคนกลางมาเป็นระดับ ผู้ผลิต ซึ่งเป็นบันไดก้าวสำคัญที่ ทำให้ ศรี ปรากาซ โลเฮีย พลิกชีวิต ขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐีแถวหน้าของอาเซียน ด้วยการเริ่มก่อตั้งบริษัท อินโดรามา ซินเธติกส์ ซึ่งเป็นโรงงานปั่นด้ายในปี 2519 เป็นซัพพลายขนาดใหญ่ให้ตลาดเครื่องนุ่งห่มในประเทศ หลังจากนั้นได้ขยายกิจการไปเป็น ผู้ผลิตเส้นใยโพลีเอสเตอร์และโพลีเอสเตอร์ สำหรับใช้ในการผลิตขวดพลาสติก (พีอีที) รายใหญ่ของภูมิภาคและของโลก

"อินโด แปลว่า อินโดนีเซีย ส่วนรามา แปลว่า พระราม เทพเจ้าของศาสนาฮินดู" คือคำนิยามของบริษัทอินโดรามา (Indorama Corporation) ซึ่ง ศรี ปรากาซ โลเฮีย ยังคงนั่งตำแหน่งหัวเรือใหญ่ ปัจจุบันกิจการของเขามีผลประกอบการปีละมากกว่า 3 แสนล้านบาท ก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตเวิลด์คลาสมีฐานการผลิต 72 แห่ง ตั้งอยู่ใน 24 ประเทศ ครอบคลุม 4 ทวีปทั่วโลก นอกจากอุตสาหกรรมพลาสติกและเส้นใยแล้ว เขายังต่อยอดธุรกิจไปในด้านพลังงานด้วย โดยเขาเป็นเจ้าของโรงงานโอเลฟินในประเทศไนจีเรีย ซึ่งเป็นบริษัทปิโตรเคมีที่ใหญ่ที่สุดในแอฟริกาตะวันตก และเป็น ผู้ผลิตโอเลฟินรายใหญ่อันดับ 2 ของแอฟริกา สำหรับกำลังการผลิตนั้นประมาณ 38% ของกำลังการผลิตของบริษัท ตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ 32% ตั้งอยู่ในทวีปเอเชีย และ 30% อยู่ในทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง และทวีปแอฟริกา โดยในแต่ละปีมี การส่งออกสินค้าไปมากกว่า 70 ประเทศ ด้วยจำนวนบุคลากรในความดูแล ของบริษัททั้งหมดมากกว่า 1.5 หมื่นคน

อย่างไรก็ตาม โอกาสทางธุรกิจของเขายังคงสดใสเมื่อภาพรวมตลาดเส้นใยและโพลีเอสเตอร์ยังคงเติบโตได้ต่อเนื่องเฉลี่ย 7% ไปอีก 5 ปี โดยมีปัจจัยบวกจากดีมานด์ในทวีปเอเชียที่เติบโตต่อเนื่องตามปริมาณประชากร จนมีการคาดการณ์ว่าในปี 2567 มูลค่าตลาดทั่วโลกจะสูงถึงปีละ 1.47 ล้านล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็นประเทศจีน 65% อินเดีย 10% และภูมิภาคอาเซียน 7%

"ช่วงที่ยากสุดของอินโดรามาคือ ช่วง 3-4 ปีแรกในการก่อตั้งบริษัท ซึ่งเป็นช่วงลองผิดลองถูกของการดำเนินธุรกิจ เช่นเดียวกับทุกกิจการที่ต้องให้ความสำคัญกับการสร้างรากฐานที่แข็งแรงเพื่อต่อ ยอดไปถึงยังสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า"

ศรี ปรากาซ โลเฮีย เผยเคล็ดลับความสำเร็จเอาไว้ว่า "ความกล้าหาญเป็นหนึ่งในกุญแจไขไปสู่ความสำเร็จ โดยเฉพาะในโลกธุรกิจที่ทุกก้าวเดินต้องพบกับความเสี่ยงและการตัดสินใจ" การท้าทายความกลัวเพื่อขยายตลาดไปยังต่างประเทศเป็นนโยบายสำคัญของบริษัทอินโดรามา โดยในปี 2560 อินโดรามาได้ซื้อกิจการ 4 แห่ง ได้แก่ โรงงาน PTA ในประเทศสเปน โรงงานผลิต Paraxylene (PX) ในประเทศ สหรัฐอเมริกา โรงงานผลิตเส้นใยชนิดพิเศษในยุโรปและจีน และโรงงาน PET ในประเทศอินเดีย รวมมูลค่าประมาณ 3.05 หมื่นล้านบาท ทำให้กำลังการผลิตของบริษัทเพิ่ม ขึ้นจาก 8.8 ล้านตันในปี 2558 เป็น 10.5 ล้านตันในเดือน มิ.ย. 2560 ส่วนเป้าหมายในอนาคตอินโดรามาจะ เดินหน้าเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงเพื่อสร้างรายได้เพิ่มในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงมีสัดส่วนคิดเป็น 20% ของการผลิตรวมของบริษัท และคิดเป็นประมาณ 57% ของกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (อีบิตดา) ของบริษัท จากเดิมปี 2555 อีบิตดาอยู่ที่ 25%

ปัจจุบัน ศรี ปรากาซ โลเฮีย ได้โยกย้ายอู่เงินอู่ทองเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2553 ภายใต้ชื่อว่า บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) ล่าสุดนักวิเคราะห์หลายสถาบันเห็นพ้องว่า IVL จะเป็นดาวดวงใหม่ในช่วงปลายปีนี้ ประกอบกับมีปัจจัยสนับสนุนด้านสภาพคล่องส่วนเกินของโลกที่่จะทยอยไหลเข้าตลาดไทยในช่วงปลายปีนี้ ทำให้ IVL เป็นหนึ่งในหมากที่หลายคนต้องชายตามอง

เทคโนโลยีทุกวันนี้ส่งผลให้เกิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ บ่อยครั้งอาจเห็นเพื่อนกำลังเริ่มต้นธุรกิจและผู้ที่มีกิจการมั่นคงจนดูดีขึ้นผิดหูผิดตา และก่อนที่คุณจะหาคำตอบของความสำเร็จจงจำเอาไว้ว่า พวกเขาเหล่านั้นไม่เคยเสียเวลาให้กับ "ความกลัว"