posttoday

‘บิวเทรี่ยม’ ดึงอาลีเพย์ เจาะทัวริสต์จีนรุ่นใหม่

25 พฤษภาคม 2560

พฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาดูแลใส่ใจสุขภาพทั้งจากภายในและภายนอกที่ขยายตัวมากขึ้น และกลายเป็น “เมกา เทรนด์” กระแสใหญ่ระดับโลก

โดย...ดวงใจ จิตต์มงคล

พฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาดูแลใส่ใจสุขภาพทั้งจากภายในและภายนอกที่ขยายตัวมากขึ้น และกลายเป็น “เมกา เทรนด์” กระแสใหญ่ระดับโลก ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจค้าปลีกพิเศษ (สเปเชียลตี สโตร์) ด้านสุขภาพและความงามทั่วโลก มีอัตราการเติบโตแบบพุ่งพรวดอย่างต่อเนื่อง

กระแสดังกล่าว ที่สองผู้บริหารบริษัท บิวเทรี่ยม จิรวุฒิ โรจน์รัตนวลี  และ อติโรจน์ โรจน์รัตนวลี มองเห็นทั้งโอกาสและช่องว่างการตลาดดังกล่าวในไทย โดยเปิดธุรกิจศูนย์รวมความงามครบวงจร บิวตี้ เมกา สโตร์ ภายใต้แบรนด์ “บิวเทรี่ยม” เพื่อรองรับกำลังซื้อทั้งในประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวเอเชีย ที่นิยมจับจ่ายซื้อสินค้ากลุ่มเพื่อสุขภาพและความงามจากไทย 

อติโรจน์ กล่าวว่า บริษัทได้วางแนวคิดธุรกิจค้าปลีกความงามดังกล่าว คือ “บิวเทรี่ยม สวยครบในที่เดียว” จำหน่ายผลิตภัณฑ์ความงามและเครื่องสำอางทุกประเภทตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ร่วมกับพันธมิตรธุรกิจหลากหลายแบรนด์สินค้าหรือแบรนด์พาร์ตเนอร์กว่า 2,000 ราย มีสินค้ากว่า 2 หมื่นรายการ (เอสเคยู) ซึ่งมองว่าไอเท็มสินค้าความงามต่างๆ ที่มีความครบครันจะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการดึงดูดลูกค้าได้ทั้งชายหญิงเป็นอย่างดี

โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 15% ที่เข้ามาช็อปปิ้งสินค้าความงามในร้านค้าแบรนด์ท้องถิ่นในไทย ซึ่งนอกเหนือจากทำเลที่ตั้งที่เป็นจุดศูนย์กลางแล้ว การบริการภายในร้านของพนักงาน
ยังเป็นปัจจัยสำคัญด้วย ซึ่งปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าชาวจีน เป็นหลัก ตามมาด้วยชาวเกาหลี และญี่ปุ่น มีการจับจ่าย/หัว/ครั้ง (เปอร์ บาสเก็ต) เฉลี่ย 1,000 บาท ขณะที่กลุ่มคนไทยอยู่ที่ 500 บาท/หัว/ครั้ง

นอกจากนี้ บริษัทยังพัฒนาระบบการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว (แวต รีฟันด์ ฟอร์ ทัวริสต์) ณ จุดขายให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวด้วยเพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับกลุ่มลูกค้าดังกล่าวมากขึ้น

ขณะเดียวกัน บริษัทยังเตรียมเปิดให้บริการรับชำระเงินในการซื้อสินค้าผ่าน “อาลีเพย์” (AliPay) ระบบชำระเงินออนไลน์ผ่านแอพพลิเคชั่นโทรศัพท์มือถือด้วย เพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายทัวริสต์รุ่นใหม่ โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่ ที่คุ้นเคยการชำระเงินผ่านอาลีเพย์ เป็นอย่างดี คาดพร้อมวางระบบพร้อมเปิดให้บริการภายในเดือน มิ.ย.นี้

อติโรจน์ เสริมว่า ธุรกิจความสวยความงาม (บิวตี้ รีเทล บิซิเนส) ถือเป็น กระแสอันดับ 1 และเติบโตเร็วมาก โดยบริษัทยังวางกลยุทธ์การทำตลาดผ่านแพลตฟอร์มหลากหลาย ทั้งแพลตฟอร์มสื่อต่างๆ เช่น โทรทัศน์ สื่อหนังสือพิมพ์ สื่อออนไลน์ สื่อจราจร และสื่อภาพโฆษณา แพลตฟอร์มสื่อที่ใช้บอกผ่านคนใช้ผลิตภัณฑ์ เช่น บิวตี้ บล็อกเกอร์, เอนด์ ยูสเซอร์ ผู้บริโภคขั้นสุดท้ายที่พูดแทนเรา รวมถึงแพลต ฟอร์มที่ใช้การขยายจุดจำหน่ายต่างๆ ให้มากที่สุด และสุดท้ายแพลตฟอร์มที่เป็นนักท่องเที่ยว ที่ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดมากที่สุด

ขณะที่แนวทางการขยายธุรกิจร้านค้าปลีกดังกล่าว บริษัทมองว่าในช่วง 2-3 ปีนับจากนี้ จะยังมุ่งขยายการลงทุนภายในประเทศด้วยตัวเองก่อน และไปพร้อมกับการศึกษารูปแบบ (โมเดล) แฟรนไชส์ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้านกลุ่มกัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม (ซีแอลเอ็มวี) ที่อาจมีความเป็นไปได้ในอนาคต ด้วยผู้บริโภคในตลาดกลุ่มดังกล่าวชื่นชอบผลิตภัณฑ์และแบรนด์สินค้าจากไทย

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันในตลาดไทยแม้จะยังไม่มีการเก็บข้อมูลมูลค่าการตลาดโดยรวมที่ชัดเจน แต่เชื่อว่าตลาดดังกล่าวมีอัตราการเติบโตต่อปีไม่ต่ำกว่าสองหลักอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทได้ดำเนินธุรกิจในปี 2558 และในปี 2559 มีการเติบโตสูงถึง 300% และมียอดขายหลักร้อยล้านจากพื้นที่เท่าเดิม

สำหรับในปี 2560 บริษัทวางเป้าหมายเติบโตขึ้น 2.5-3 เท่าเป็นอย่างน้อย พร้อมวางเป้าขยายสาขาไม่ต่ำกว่า 5 สาขาภายในปีนี้ จากปัจจุบันเปิด 3 สาขา คือ สยามสแควร์วัน ศูนย์ การค้าซีคอนบางแค และล่าสุดอาคารจี ทาวเวอร์ พระราม 9 เพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายจากในและต่างประเทศที่จะขยายเพิ่มขึ้น