เปิดศูนย์อาเซียน-เจแปน ร่วมมือไซเบอร์ซีเคียวริตี้

 

เมื่อกลางเดือน ก.ย. 2561 ที่ผ่านมาสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สพธอ.) หรือ เอ็ตด้า ได้ประกาศเปิดศูนย์ความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาบุคลากรความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ หรือ ASEAN-Japan Cybersecurity Capacity Building Centre : AJCCBC หลังจากเจรจาความร่วมมือตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ ประเทศไทยได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพในการจัดตั้งศูนย์ความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่นฯ ตามมติที่ประชุม TELMIN-Japan หรือการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศร่วมกับประเทศญี่ปุ่น ที่ประเทศกัมพูชา เมื่อปลายปี 2560 ซึ่ง พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) มอบหมายให้สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินงาน เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาบุคลากรความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์ฯ นี้ได้รับการสนับสนุนจากประเทศญี่ปุ่น ทั้งด้านงบประมาณและองค์ความรู้ต่างๆ ทำให้สามารถดำเนินการฝึกอบรมให้แก่ประเทศสมาชิกอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

พิเชฐ กล่าวว่า อาเซียนให้ความสำคัญกับความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างมาก เห็นได้จากการกำหนดให้ “ความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศและการรับรองความปลอดภัย” เป็น 1 ใน 8 ยุทธศาสตร์ ในแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอาเซียนปี 2563 ซึ่งจะเน้นเรื่องการส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง CERT, Data Governance และการระบุและปกป้องโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ อีกทั้งอาเซียนยังได้จัดทำกลยุทธ์ความร่วมมืออาเซียน ไซเบอร์ซีเคียวริตี้ (ASEAN Cybersecurity Cooperation Strategy) ซึ่งระบุถึงความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อเสริมสร้างความสามารถด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ระดับชาติ รวมถึงความร่วมมือกับ Dialogue Partnersและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ ด้วย

 

 

ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เช่นกัน โดยการจัดตั้งศูนย์ความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาบุคลากรความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ใช้เวลา 1 ปี ศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งศูนย์ และมีมติให้จัดตั้งที่ประเทศไทย

 

ด้าน สุรางคณา วายุภาพ ผู้อำนวยการเอ็ตด้า เปิดเผยว่า ศูนย์ความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาบุคลากรความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ มีกำหนดจัดการฝึกอบรมสำหรับข้าราชการและเจ้าหน้าที่หน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศของอาเซียนครั้งแรกเมื่อวันที่ 24-28 ก.ย. 2561 ซึ่งประเทศอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ รวมถึงประเทศไทยได้ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

 

สำหรับหลักสูตรที่ใช้จะมีด้วยกัน 3 หลักสูตร คือ 1.หลักสูตร CYDER (Cyber Defense Exercise with Recurrence) ที่เน้นการรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ประสบความสำเร็จในประเทศญี่ปุ่นมาแล้ว และปัจจุบันก็เป็นหนึ่งในหลักสูตรที่ใหญ่ที่สุดที่รัฐบาลญี่ปุ่นใช้ฝึกอบรมบุคลากรด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ทั่วประเทศด้วย 2.หลักสูตร Forensics เป็นหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานดิจิทัลจากการโจมตีทางไซเบอร์ ทั้งความรู้พื้นฐานและการลงมือปฏิบัติ และ 3.หลักสูตร Malware Analysisที่จะเป็นการวิเคราะห์มัลแวร์ประเภทต่างๆ ตามเทรนด์ของภัยคุกคามทางไซเบอร์