posttoday

เปิดฉากประชุมซัมมิต ยกอาเซียนศูนย์กลางเอเชีย-แปซิฟิก

17 กุมภาพันธ์ 2559

การประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐ-อาเซียน ในระหว่างวันที่ 15-16 ก.พ.นี้ ที่ซันนีแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ เป็นที่จับตามองอย่างมาก เนื่องจากเป็นการจัดประชุมครั้งแรกระหว่างอาเซียนและสหรัฐภายในบ้านพญาอินทรี

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์

การประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐ-อาเซียน ในระหว่างวันที่ 15-16 ก.พ.นี้ ที่ซันนีแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ เป็นที่จับตามองอย่างมาก เนื่องจากเป็นการจัดประชุมครั้งแรกระหว่างอาเซียนและสหรัฐภายในบ้านพญาอินทรี

ประธานาธิบดี บารัก โอบามา ของสหรัฐ กล่าวย้ำว่า อาเซียนคือศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกด้านสันติสุขและความเจริญรุ่งเรือง รวมถึงด้านการค้าและการเมืองด้วย อีกทั้งการร่วมมือกันระหว่างอาเซียนและสหรัฐจะช่วยให้ภูมิภาคมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นภายใต้กฎหมายเดียวกัน

“ในการประชุมครั้งนี้ จะมีการแบ่งปันวิสัยทัศน์เกี่ยวกับระเบียบของภูมิภาคตามหลักการทางกฎหมายและบรรทัดฐานระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงเสรีภาพในการเดินเรือด้วย อีกทั้งประเด็นข้อพิพาทต่างๆ ที่เกิดขึ้นในภูมิภาคจะได้รับการแก้ไขด้วยวิธีการทางกฎหมายอย่างสันติ” ผู้นำสหรัฐกล่าว

นอกจากนี้ โอบามายังเรียกร้องให้ชาติสมาชิกอาเซียนเคารพหลักการของประชาธิปไตยและหลักสิทธิมนุษยชน รวมถึงหลักการพื้นฐานที่สังคมต้องการ อาทิ หลักธรรมาภิบาล การบังคับใช้กฎหมาย สถาบันที่มีความน่าเชื่อถือ และภาคประชาสังคมที่มีความเป็นพลวัต

ในวันแรกของการประชุมจะเน้นไปที่ประเด็นเศรษฐกิจ การค้า และความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (ทีพีพี) ซึ่งมี 4 ประเทศสมาชิกลงนามในความตกลงดังกล่าวแล้ว ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม และบรูไน ส่วนประเทศสมาชิกอื่นแสดงความสนใจเข้าร่วม

โด ลิปโป นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสด้านการค้าของธนาคารเอชเอสบีซี ระบุว่า การประชุมครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นภาคธุรกิจและกระชับความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับสหรัฐ ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะได้ประโยชน์ทั้งคู่ โดยสหรัฐจะได้รับประโยชน์จากการเป็นส่วนหนึ่งของเขตเศรษฐกิจที่ขยายตัวเร็วมากกว่าเศรษฐกิจสหรัฐ 2 เท่า

ในขณะที่อาเซียนจะได้รับประโยชน์จากฐานบริโภคขนาดใหญ่ของสหรัฐรองรับการขยายตัวของตลาด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของอาเซียน

สำหรับวันที่ 2 ของการประชุมเน้นหารือสถานการณ์ความมั่นคงโลก การก่อการร้าย สถานการณ์ความไม่สงบที่คาบสมุทรเกาหลี และประเด็นข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ ซึ่งผู้นำสหรัฐต้องการให้อาเซียนแสดงจุดยืนที่แข็งกร้าวมากขึ้น

ทำเนียบขาวสหรัฐ เปิดเผยว่า โอบามากล่าวอย่างตรงไปตรงมาในประเด็นจุดยืนของสหรัฐต่อการขยายอำนาจทางการทหารของจีนในเขตพิพาท พร้อมยืนยันว่า สหรัฐจะปฏิบัติการเดินเรือในทะเลจีนใต้ต่อไปตามหลักเสรีภาพในการเดินเรือ

ด้านสำนักข่าวซินหัว สื่อของทางการจีน รายงานอ้าง โจเซฟ แมทธิว ผู้อำนวยการศูนย์อาเซียนศึกษาในกรุงพนมเปญ กัมพูชา ว่า ท่าทีของสหรัฐในทะเลจีนใต้จะกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติอาเซียน

“ความมั่นคงในภูมิภาคเชื่อมโยงกับความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นความจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ และการที่บุคคลที่ 3 เข้ามามีส่วนร่วมในภูมิภาคอย่างไม่จำเป็น จะทำให้ความขัดแย้งซับซ้อนยิ่งขึ้น” ซินหัวเปิดเผยอ้างคำพูดของแมทธิว

อย่างไรก็ดี ก่อนการประชุมจะเริ่มต้น นายกรัฐมนตรี ลีเซียนลูง ของสิงคโปร์ ได้เดินทางไปย่านซิลิคอนวัลเลย์ ศูนย์กลางเทคโนโลยีโลกในรัฐแคลิฟอร์เนีย และได้พูดคุยกับชาวสิงคโปร์ที่ทำงานในกูเกิล ผู้ให้บริการเสิร์ช
เอนจิ้นรายใหญ่ของโลก โดยลีเซียนลูงเน้นย้ำความสำคัญของการทำให้ภาควิศวกรรมในสิงคโปร์มีความน่าสนใจมากขึ้น ตามเป้าหมายของประเทศในการเป็นสมาร์ทเนชั่น หรือประเทศอัจฉริยะ

ขณะที่ประธานาธิบดี โจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย จะเป็นผู้นำในการหารือประเด็นเรื่องการก่อการร้าย และกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) รวมถึงผู้ประกอบการ เพื่อพัฒนาระบบเศรษฐกิจดิจิทัลและจะเดินทางไปย่านซิลิคอนวัลเลย์ด้วย

ด้านนายกรัฐมนตรี เหวียนเติ๊นสุง ของเวียดนาม ระบุว่า ทีพีพีถือเป็นความตกลงรูปแบบใหม่ของการค้าเสรี และคาดว่าจะเป็นต้นแบบพัฒนาการค้าในภูมิภาค โดยมาตรฐานการค้าระดับสูงจะส่งผลดีต่อการพัฒนาการผลิตและการบูรณาการกับนานาชาติ พร้อมชักชวนให้โอบามาเดินทางเยือนเวียดนามในเดือน พ.ค.นี้