posttoday

'จุรินทร์' เล็งใช้ศักยภาพตลาด CLMVT เพิ่มรายได้ประชาชนรับเศรษฐกิจยุคใหม่

13 กันยายน 2562

ชี้โอกาสขนาดเศรษฐกิจกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านและไทย รวมกว่า 863,859 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวเกือบ 5% สู้ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก

ชี้โอกาสขนาดเศรษฐกิจกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านและไทย รวมกว่า 863,859 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวเกือบ 5% สู้ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก

นายจุร้นทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในฐานะประธานเปิดงาน โครงการอบรมสัมมนาบุคลากรภาครัฐและภาคเอกชนของ CLMVT Adapt to Global Value Chain ประกอบไปด้วยประเทศกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทย (CLMVT) ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางจุดยุทธศาสตร์ของภูมิภาคเอเชีย

โดย กระทรวงพาณิชย์ เล็งเห็นศักยภาพของภูมิภาค CLMVT ในการเป็นศูนย์กลางห่วงโซ่คุณค่าสากลใหม่และเป็นภูมิภาคสำคัญที่เชื่อมต่อกับเศรษฐกิจของอาเซียน ทวีปเอเชีย และโลก ซึ่งการจัดงานอบรมสัมมนาในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นกิจกรรมที่ผู้บริหารและผู้ประกอบการในภูมิภาคได้มีโอกาสร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน และเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกันในการผลักดัน "ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน"

ขณะที่ CLMVT มีจำนวนประชากรรวมกันกว่า 242 ล้านคน มูลค่า GDP รวมกัน 863,859 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 5 ปี (2557 - 2561) ที่ 4.83% ประกอบกับมีการจัดทำข้อตกลงทางการค้า และการลงทุนของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคกับประเทศคู่ค้าสำคัญ

โดยทำให้ภูมิภาค CLMVT มีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจอย่างแนบแน่นในเครือข่ายการผลิตของอาเซียนและเอเชีย และกลายเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่คุณค่าโลกอย่างไม่สามารถแยกออกจากกันได้ และแม้เศรษฐกิจโลกจะมีความผันผวนและไม่แน่นอน แต่ภูมิภาค CLMVT ยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกภาพอันเหนียวแน่นเพื่อยืนหยัดและเอาชนะความท้าทายของเศรษฐกิจโลกมาโดยตลอด

อย่างไรก็ตามภูมิภาค CLMVT ยังมีข้อจำกัดด้านผลิตภาพและการสร้างมูลค่า ที่ต้องเผชิญกับกฎระเบียบทางการค้าที่เข้มงวดมากขึ้น ทั้งกฎระเบียบในด้านความปลอดภัยของผู้บริโภค คุณภาพผลิตภัณฑ์ การปกป้องและคุ้มครองสิ่งแวดล้อม รวมถึงแรงกดดันจากการขยายตัวของเทคโนโลยีสมัยใหม่และดิจิทัล ภูมิภาค CLMVT จึงจำเป็นต้องยกระดับห่วงโซ่คุณค่าของภูมิภาค เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงอยู่ในเครือข่ายการผลิตของโลกได้ต่อไป

นายจุรินทร์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5-10 กันยายน ที่ผ่านมาตนได้เป็นประธานที่ประชุมเศรษฐกิจอาเซียน Rcep ASEAN+6 ASEAN+3 จากการประชุมตลอดระยะเวล่ 5 วันได้ข้อสรุปว่า CLMVT มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเสริมสร้างความเข้มแข็ง ไม่ใช่เฉพาะในภูมิภาค แต่ต้องขยายความร่วมมือและเสริมสร้างความเข้มแข็งไปสู่ภูมิภาคและโลกด้วย

ดังนั้นภาครัฐและภาคเอกชนจะต้องจับมือไปด้วยกัน เพื่อก้าวสู่การขยายตัวทั้งการค้าการลงทุน โดยเฉพาะการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นหัวใจหลักของการส่งออก หากเราดำเนินการตามนั้นได้ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อ CLMVT ไม่ใช่แค่ประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการภูมิภาค CLMVT ต้องเร่งปรับปรุงวิธีการผลิตให้ทันสมัยและสามารถสร้างผลตอบแทนได้มากขึ้น นอกจากนี้การพัฒนาประสิทธิภาพของภาคบริการโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริการขนส่งและส่วนโลจิสติกส์ บริการค้าปลีกและค้าส่ง บริการธุรกิจ และบริการทางการเงิน ล้วนแล้วแต่เป็นกิจกรรมที่สำคัญ

ดังนั้น กลุ่ม CLMVT จึงควรร่วมมือกันในการกำหนดทิศทางอนาคตของภูมิภาค เพื่อใช้ประโยชน์จากจุดแข็ง และสานต่อความเชื่อมโยงกับนานาประเทศโดยรอบแบบไร้รอยต่อ เพื่อปรับตัว รองรับเศรษฐกิจยุคใหม่ รวมทั้งความผันผวนของเศรษฐกิจโลก