posttoday

'ดีไอทีพี' ชี้ช่อง 2 ทำเลทองตลาด สปป.ลาว แนะสูตรลงทุนโกยยอดขายเงินล้าน

12 กันยายน 2562

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่(NEA) ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จัดโครงการสัมมนา "ติวเข้ม...รู้ลึก รู้จริง รู้ใจลาว" เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้มีความรู้และเข้าใจการทำธุรกิจในประเทศลาว พร้อมเปิดโอกาสให้เห็นช่องทาง - พื้นที่ที่เหมาะแก่การเข้าไปลงทุน ตลอดจนเข้าถึงพฤติกรรมการเลือกสินค้าและการบริโภคของชาวลาวแบบอินไซด์

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่(NEA) ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จัดโครงการสัมมนา "ติวเข้ม...รู้ลึก รู้จริง รู้ใจลาว" เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้มีความรู้และเข้าใจการทำธุรกิจในประเทศลาว พร้อมเปิดโอกาสให้เห็นช่องทาง - พื้นที่ที่เหมาะแก่การเข้าไปลงทุน ตลอดจนเข้าถึงพฤติกรรมการเลือกสินค้าและการบริโภคของชาวลาวแบบอินไซด์

ปัจจุบัน 'ลาว' กำลังเติบโตทั้งด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ไลฟ์สไตล์ของผู้คน รวมทั้งเป็นประเทศน้องใหม่ที่น่าสนใจลงทุน จากอัตราการขยายตัวของ GDP ที่มีกราฟพุ่งอย่างต่อเนื่อง ทรัพยากรธรรมชาติที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์ และยังเป็นแลนด์ลิ้งค์ (Land link) สำคัญด้วยมีพรมแดนดินต่อกับประเทศเศรษฐกิจ ทั้งจีน เวียดนาม เมียนมา และกัมพูชา ซึ่งเอื้อต่อระบบการขนส่งและโลจิสติกส์

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าลาว จะมีประชากรเพียงแค่ 7 ล้านคน แต่เชื่อหรือไม่ว่าทรัพยากรเหล่านี้มีกำลังซื้อที่สูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าประเภทไลฟ์สไตล์ที่เป็นแบรนด์ไทย ซึ่งครองใจผู้บริโภคชาวลาวมาแล้วหลายต่อหลายรุ่น

เจาะลึกตลาด สปป.ลาว

นันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ กล่าวว่า สถาบันได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการทำธุรกิจในต่างประเทศของผู้ประกอบการไทย ดังนั้นเพื่อเป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าของผู้ประกอบการไทยในตลาดต่างประเทศมากยิ่งขึ้น จึงได้จัดโครงการสัมมนา "ติวเข้ม...รู้ลึก รู้จริง รู้ใจลาว" เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยได้รู้ทิศทางการทำธุรกิจในสปป.ลาว

เพราะขณะนี้สปป.ลาว ถือว่าเป็นประเทศที่น่าจับตามอง เนื่องจากรัฐบาลได้ให้ความสำคัญในระบบโครงสร้างพื้นฐาน และการเปิดประเทศให้นักลงทุนเข้าไปลงทุนในลาวมากยิ่งขึ้น ซึ่งเชื่อว่าข้อมูลที่ผู้ประกอบการไทยได้รับจากผู้มีความรู้และประสบการณ์จะเป็นประโยชนที่จะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ

นอกจากนี้ยังได้เห็นความสำคัญในการถ่ายความรู้และมุ่งเน้นการยกระดับบริการภาครัฐด้วยนโยบาย "Sharing Economy" หรือ "เศรษฐกิจแบ่งปัน" โดยการเปิดโอกาสให้ทุกคนในประเทศไทยให้สามารถเข้าถึงองค์ความรู้จากผู้ที่เก่งที่สุดในแต่ละด้าน ซึ่งจะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงโอกาสการทำธุรกิจในประเทศอื่นๆได้อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น

ตีตลาดใหม่ใน 2 ดินแดนเมืองลาวตอนเหนือ

เริ่มที่ แขวงอุดมไซ เมืองทางตอนเหนือของประเทศ มีอาณาเขตติดต่อกับเมืองสิบสองปันนา ของประเทศจีน อาชีพหลักของประชาชนในพื้นที่ประกอบอาชีพกสิกรรม และอุตสาหกรรม ปัจจุบันถูกจัดให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ และเปิดให้นักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนเป็นจำนวนมาก ซึ่งการลงทุนของต่างประเทศที่แขวงอุดมไซมีมากถึง 36 โครงการ มีนักลงทุนเข้าไปลงทุนในแขวงอุดมไซ โดยการสร้างสมาร์ทซิตี้ (Smart city) ซึ่งถือว่าเป็นการดึงดูดนักลงทุนให้เข้าไปลงทุนในพื้นที่มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้แขวงอุดมไซเป็นเมืองที่รถไฟความเร็วสูงจีน-ลาววิ่งผ่าน โดยในอนาคตจะถูกขยายให้เป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าและการดรอปสินค้ามากยิ่งขึ้นซึ่งถือว่าเป็นการรองรับเส้นทางรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาวที่จะเปิดบริการภายในปี 2564 ดังนั้นการทำธุรกิจในด้านโลจิสติกส์จึงมีแนวโน้มที่จะเติบโตในแขวงนี้

ตลาดต่อมา คือ แขวงหลวงน้ำทา มีพื้นด้านเหนือติดกับจีนบริเวณมณฑลยูนนาน และด้านทิศตะวันตกติดกับเมียนมา ด้วยกายภาพที่มีเขตติดต่อกับหลายประเทศ รวมทั้งเป็นอีกหนึ่งเมืองที่รถไฟไทยจีน-ลาวตัดผ่าน ส่งผลให้การเดินทางและการขนส่งจะมีความรวดเร็ว ทำให้แขวงหลวงน้ำทากลายเป็นพื้นที่ที่น่าจับตามอง และมีศักยภาพในด้านลงทุนสูงมาก อีกทั้งในอนาคตแขวงหลวงน้ำทา จะกลายเป็นด่านพรมแดนที่สำคัญที่จะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้แขวงหลวงน้ำทาตั้งอยู่บนเส้นทาง R3 ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญที่เชื่อม ไทย (เชียงราย) – ลาว – จีน (คุนหมิง) โดยบริเวณด่านสากลบ่อเต็น ทำให้กลายเป็นจุดขนถ่ายสินค้าเข้าสู่จีนทั้งทางบก และทางแม่น้ำโขงที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่ง

สูตรสำเร็จพิชิตใจชาวลาว

พฤติกรรมการเลือกสินค้าของชาวลาวนั้นมักจะเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพและเชื่อมั่นกับสินค้ายี่ห้อเดิมที่เคยใช้เป็นประจำและเชื่อมั่นว่าสินค้าที่ออกสูตรใหม่ต้องดีกว่าสูตรเดิมเสมอ ดังนั้นหากมีการผลิตสินค้ารูปแบบใหม่ จะต้องระบุชัดเจนว่าเป็น "สูตรใหม่" และด้านคุณภาพของสินค้าจะต้องดีกว่าสูตรเดิม และต้องรักษาคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐานอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นอาจจะมีผลกระทบต่อสินค้า

เนื่องจากชาวลาวส่วนมากมักจะเชื่อมั่นคนรอบข้างมากกว่าโฆษณาในลักษณะการพูดกันแบบปากต่อปาก หากคนใกล้ชิดบอกว่าดีจะเกิดพฤติกรรมซื้อตาม ดังนั้นหากสินค้าไม่ดีจริงย่อมมีผลกระทบต่อยอดขายอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ชาวลาวยังเชื่อเรื่องความหมายของคำ ฉะนั้นชื่อสินค้าจะต้องเป็นคำที่มีความหมายมงคล เช่น "มีทรัพย์" "มีโชค" และควรเป็นชื่อที่ง่ายต่อการจดจำด้วย

อย่างไรก็ตาม ชาวลาวเชื่อมั่นในสินค้าไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงถือว่าเป็นข้อได้เปรียบที่สินค้าไทยจะมีโอกาสส่งออกและเจาะตลาดลาวได้ ส่วนการทำการตลาดออนไลน์สำหรับผู้ประกอบการไม่ควรเน้นการขายสินค้าผ่านช่องทางเฟสบุ๊ค(Facebook) เพียงช่องทางเดียว เพราะอัตราการใช้เฟสบุ๊คของชาวลาวมีเพียง 2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

หากต้องการทำโฆษณาควรเลือกใช้ข้อความจูงใจหรือเลือกติดป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ในจุดที่มองเห็นได้ชัดเจนและทั่วถึง เช่น ติดตามรถรับจ้าง หรือตามข้างทาง แต่วิธีการนี้จะต้องระวังเรื่องการใช้ภาษาแม้ว่าภาษาอีสานของไทยจะคล้ายกับภาษาลาวแต่ความหมายของคำบางคำต่างกัน

โอกาสตลาดสปป.ลาว จากรถไฟเร็วสูงจีน

นางสาวยานี ศรีมีชัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เวียงจันทน์ สปป.ลาว กล่าวว่า หากพูดถึงสปป.ลาว คนทั่วไปอาจจะนึกถึงเฉพาะนครหลวงเวียงจันทน์และเมืองมรดกโลกอย่างหลวงพระบาง เนื่องจากทั้งสองเมืองมีความโดดเด่นในเรื่องการท่องเที่ยว ซึ่งหากจะเข้าไปทำธุรกิจ ผู้ประกอบการไทยอาจจะต้องมองหาทำเลใหม่ๆที่มีโอกาสเติบโตทั้งระบบการขนส่ง และการขนถ่ายสินค้า โดยเฉพาะพื้นที่สปป.ลาวตอนเหนือในแขวงอุดมไซ และแขวงหลวงน้ำทา

เนื่องจากทั้งสองเมืองเป็นเมืองที่มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศจีน และ กำลังจะมีรถไฟลาว-จีนระยะทาง 421 กิโลเมตร ที่มีบริการทั้งแบบขนสินค้าใช้ความเร็ว120 กิโลเมตร/ชั่วโมง และขนผู้โดยสารใช้ความเร็ว 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งจะเปิดให้บริการในปี 2564

โดยรถไฟความเร็วสูง จะมีแนวเส้นทางจากด่านสากลบ่อเต็น ในแขวงหลวงน้ำทา แขวงอุดมไซ มายังสถานีรถไฟท่านาแล้ง นครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งสถานีนี้เป็นจุดเชื่อมต่อข้ามแดนมายังไทยบริเวณ จ.หนองคาย ฉะนั้นจึงถือว่าเป็นข้อดีที่ผู้ประกอบการไทยจะสามารถเข้าไปลงทุนหรือแม้แต่การย้ายฐานการผลิตเข้าไปตั้งตามแนวรถไฟความเร็วสูง โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณแขวงอุดมไซ นอกจากนี้ผู้ประกอบการไทยควรเตรียมความพร้อมที่จะผลักดันสินค้าไทยให้ต่อยอดออกไปยังประเทศอื่นๆไม่ว่าจะเป็นจีน หรือเวียดนามด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามโครงการและสัมมนาอื่นๆของสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) และสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ nea.ditp.go.th และที่ www.facebook.com/nea.ditp.go.th หรือ สายด่วน 1169.