หนุนเอกชนเปิดเดินรถเจาะตลาด CLMVแข่งไฮสปีด-เครื่องบิน

คมนาคม แนะผู้ประกอบการเดินรถปรับตัวรับการแข่งขันระยะยาวทั้งไฮสปีด-เครื่องบิน มุ่งเจาะ CLMVปั้นหนองคายฮับขนส่งไทย-ลาว-จีน

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ประเทศมีโครงข่ายถนนมากขึ้นทุกปี ตลอดจนการขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบขนส่งทั้งรถไฟทางคู่ รถไฟฟ้าเมืองหลวงและรถไฟฟ้าความเร็วสูง จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการขนส่งทางบกและรถโดยสารสาธารณะต้องยกระดับบริการของตนเองเพื่อต่อสู้กับสภาวะการแข่งขันที่รุนแรงทั้งรถไฟและเครื่องบินล้วนเป็นคู่แข่งทางการตลาดที่สำคัญในอนาคต ดังนั้นกระทรวงคมนาคมไม่แนะนำให้เลิกกิจการเดินรถโดยสาร เพราะรถโดยสารเป็นฐานรากสำคัญของระบบขนส่ง เหมือนกับในต่างประเทศแม้จะมีการขนส่งหลากหลาย แต่ก็ยังต้องมีรถโดยสารให้บริการ

ทั้งนี้ผู้ประกอบการควรปรับปรุงงานบริการของตนเอง โดยเฉพาะการดูแลความพึงพอใจของผู้โดยสาร ต้องถามว่ามีอะไรที่ผู้โดยสารอยากได้และผู้ประกอบการพอจัดหามาให้ได้หรือไม่

อย่างไรก็ตามกระทรวงคมนาคมต้องการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเดินรถมีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจในเส้นทางอาเซียนและเส้นทางติดพรมแดนไทยอย่างกลุ่มชาติ CLMV เนื่องจากในอนาคตจะมีการเปิดพรมแดนให้รถโดยสารประเทศเพื่อนบ้านเดินรถผ่านเข้ามายังประเทศไทยได้ หากผู้ประกอบการไทยไม่เตรียมตัวอาจเสียสัดส่วนทางการตลาดให้กับรถโดยสารในประเทศเพื่อนบ้าน

สำหรับศักยภาพที่สำคัญ คือ ชายแดนไทย-สปป.ลาว จ.หนองคาย เพราะเป็นชุมทางรถไฟฟ้าความเร็วสูงไทย-สปป.ลาว-จีน ซึ่งจะมีการขนถ่ายคนและสินค้าจำนวนมากในพื้นที่รอยต่อดังกล่าวตลอดจนเป็นจุดศูนย์รวมทางธุรกิจ ปัจจุบันมีผู้ประกอบการเดินรถโดยสารที่เป็นชาวไทยอยู่ 1,500 ราย

นายธานี สืบฤกษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางประมาณ 1,560 รายทั่วประเทศ รถโดยสารประจำทาง 45,000 คันทั่วประเทศ และ ผู้ประกอบการรถโดยสารไม่ประจำทาง (รถ 30) หรือรถเช่าเหมา 47,000 ราย มีรถเช่าเหมา 76,000 คัน อนาคตต้องขยายให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรถเช่าเหมาที่เป็นรายใหญ่ มีรถ 30-50 คัน เข้าโครงการรับมาตรฐาน Q-Bus มากขึ้น ตั้งเป้าผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการปีละ 100 ราย เพื่อให้มีคุณภาพบริการ ส่วนรถโดยสารประจำทาง ขณะนี้ได้เชิญชวนบริษัทขนส่งจำกัด (บขส.) ที่มีรถทัวร์ 500 กว่าคัน ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจมีรูปแบบบริหารองค์กรที่ดีให้เข้าร่วมโครงการ เพื่อเป็นต้นแบบให้เอกชน ก่อนขยายผลชวนผู้ประกอบการรถร่วม บขส. เข้าร่วมโครงการด้วย

ขณะที่รถโดยสารขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่มี 3,000 กว่าคัน และ รถร่วม ขสมก. ที่มี 6,000-7,000 กว่าคัน รวมทั้งหมด 10,000 กว่าคัน ตอนนี้ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการ เนื่องจากต้องรอเข้าสู่ระบบการปฏิรูปเส้นทางรถเมล์ก่อน คาดว่า ต้นปี 2563 จะขยายให้เข้าสู่โครงการ Q-Bus ได้