ซันนี่ หวู่ เจ้าพ่อ Smart Watch

เรื่อง ทศพล หงษ์ทอง

สตาร์ทอัพหมื่นล้านคนนี้เป็นดาวจรัสแสงแห่งประเทศเวียดนาม เจ้าของกิจการผลิตภัณฑ์อัจฉริยะ (Smart Product) ที่ส่งออกไปมากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก จนทำให้ความสำเร็จของเขาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกและได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 30 ปี

ซันนี่ หวู่ (Sonny Vu) ชายหนุ่มผู้เป็นยูนิคอร์นสตาร์ทอัพแห่งดินแดนเวียดนาม ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัท Misfit Wearables เจ้าของผลิตภัณฑ์นาฬิกาข้อมืออัจฉริยะ (Smart Watch) อันโด่งดังในชื่อว่า Misfit ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มคนรุ่นใหม่ เป็นคู่แข่งกับแบรนด์ดังตัวเป้งอย่าง Fitbit และ Apple มียอดขายในแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันมีสำนักงานใหญ่ในเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา กรุงโซล เกาหลีใต้ และมีสำนักงานส่วนหนึ่งในเวียดนาม เขามีความฝันว่าสักวันจะย้ายฐานผลิตทั้งหมดกลับไปยังบ้านเกิด

ซันนี่ หวู่ ผ่านการชนะเวทีประกวดชิงทุนสตาร์ทอัพในหลายเวที จนถูกจับตามองจากเหล่า Angel Investor ทั่วโลกทั้งยุโรปและจีน จนในที่สุดสามารถกวาดเงินลงทุนได้มากกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท

“นวัตกรรมเป็นความได้เปรียบทางธุรกิจ โลกกำลังเข้าสู่ยุคอินเทอร์เน็ตออฟธิง อุปกรณ์บนตัวคุณทุกอย่างจะเชื่อมต่อกันและโชคดีที่เทรนด์คนรุ่นใหม่รักสุขภาพมากขึ้น” สอดคล้องกับผลวิจัยคาดการณ์ตลาดอุปกรณ์ไอทีสวมใส่ร่างกาย (Wearables) จะมีมูลค่ามากกว่า 5 แสนล้านบาท ในปี 2565 เช่นเดียวกับปริมาณการส่งสินค้าข้ามประเทศปีละ 233 ล้านชิ้น

ซันนี่ หวู่ แจ้งเกิดจากการทำธุรกิจผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ในเมืองบอสตัน กวาดรายได้ไปกว่า 3,500 ล้านบาท จากนั้นล้มลุกคลุกคลานจนสามารถคิดค้นนวัตกรรมนาฬิกาอัจฉริยะที่ระบุ การติดตามการออกกำลังกายเปิดตัว Misfit Vapor นาฬิกา Smart Watch รุ่นแรกของค่ายที่มาพร้อมจอแสดงผลแบบทัชสกรีน Vapor เป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่วัดพลังงานที่ใช้ไปในการทำกิจกรรมต่างๆ สามารถติดตามพฤติกรรมการนอนหลับ วัดอัตราการเต้นหัวใจโดยภายในมี GPS built-in และฟังก์ชั่นเครื่องเล่นเพลง ส่งข้อมูลด้วย Blue tooth นอกจากนี้ ซันนี่ หวู่ ยังคิดค้นหลอดไฟอัจฉริยะ (Smart Lightbulb) ที่จะเก็บข้อมูลการนอนและพฤติกรรมของคุณระหว่างหลับเพื่อนำไปคำนวณแนวทางการพักผ่อนที่เหมาะสมของผู้ใช้

สุดท้าย ซันนี่ หวู่ เผยเคล็ดลับว่ากิจการสตาร์ทอัพเกือบจะทั้งหมดหากจะประสบความสำเร็จได้จะต้องหานักขายที่เก่งกาจเข้ามาอยู่ในทีม เก่งขนาดสามารถขายทรายให้คนที่อยู่ทะเลทรายได้ เพราะสินค้าบริการเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่บางครั้งถูกมองว่าไม่จำเป็นและเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย