posttoday

กัมพูชาดันกระแจะ แพ็กเที่ยวมรดกโลก

22 กุมภาพันธ์ 2562

กระทรวงท่องเที่ยวกัมพูชามีแผนผลักดันให้จังหวัดกระแจะ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวหลัก

เรื่อง ดุสิดา วรชาติเดชชัย

กระทรวงท่องเที่ยวกัมพูชามีแผนผลักดันให้จังหวัดกระแจะ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวหลัก เช่นเดียวกับนครวัดในจังหวัดเสียมราฐ และพื้นที่ในเขตชายฝั่งทะเลของประเทศ ถือเป็นเมืองมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของกัมพูชา

ทอง คน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวกัมพูชา เปิดเผยว่า การตัดสินใจคัดเลือกให้จังหวัดกระแจะเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ มาจากจำนวนสถานที่ท่องเที่ยวและผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจภายในจังหวัดนี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเที่ยวชมโลมาอิรวดีเชิงอนุรักษ์ในบริเวณแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นจุดเด่นของจังหวัดกระแจะที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้เป็นอย่างดี โลมาพันธุ์ดังกล่าวเป็นหนึ่งในพันธุ์สัตว์หายากของโลกที่มีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 1997 จากเดิมที่มีโลมาอิรวดีอาศัยอยู่ในแม่น้ำโขงประมาณ 200 ตัว ในปี 2018 องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) ประจำกัมพูชาได้ให้ข้อมูลจากการสำรวจพื้นที่ ตั้งแต่เส้นทางแม่น้ำโขงในจังหวัดกระแจะ ไปจนถึงน้ำตกคอนพะเพ็งในลาว รวมระยะทางทั้งหมด 190 กิโลเมตร พบว่ามีโลมาอิรวดีจำนวน 92 ตัว ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา

จากรายงานล่าสุดของ WWF ประจำกัมพูชาเมื่อต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ระบุว่า มีการพบเห็นลูกโลมาอิรวดีในแหล่งโลมา ณ หมู่บ้านกำปีในจังหวัดกระแจะ อีกหนึ่งความสำเร็จของหน่วยงานภาครัฐ อย่างกระทรวงประมงและการเกษตร และกระทรวงท่องเที่ยวที่ร่วมมือกับภาคประชาชน รวมทั้ง WWF ในการช่วยฟื้นฟูธรรมชาติบริเวณแม่น้ำโขง เนื่องจากโลมาอิรวดีเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ที่สำคัญของแม่น้ำโขง ดังนั้น อัตราการเพิ่มขึ้นของโลมาอิรวดีในครั้งนี้จึงเป็นสัญญาณอันดีที่ช่วยยืนยันความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำสายหลักที่หล่อเลี้ยงผู้คนกว่า 60 ล้านชีวิตในภูมิภาค

นอกจากนี้ จังหวัดกระแจะยังมีสินค้าการท่องเที่ยวที่โดดเด่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นส้มโอเกาะตรง ผลิตภัณฑ์ลำดับที่ 3 ของประเทศ ถัดจากพริกไทยจังหวัดกำปอตและน้ำตาลโตนดจังหวัดกำปงสปือ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เมื่อปี 2018 รวมถึงอาคารแบบโคโลเนียล ชายหาดแม่น้ำโขง และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ซึ่งทางกระทรวงท่องเที่ยวกัมพูชามีการส่งเสริมให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในจังหวัดกระแจะเข้ามาร่วมพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวในอนาคต

ทอง คน กล่าวเพิ่มเติมว่า เราต้องมีการพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการในจังหวัดกระแจะให้ได้มาตรฐาน เช่นเดียวกับด้านโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ เช่น จุดบริการนักท่องเที่ยว พื้นที่จอดรถ และห้องน้ำสาธารณะ พร้อมทั้งสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมถึงสนับสนุนการกิจกรรมการท่องเที่ยวสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ อาทิ การจัดงานในพื้นที่บริเวณชายหาดแม่น้ำโขง โดยที่ไม่เป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม และการปรับปรุงระบบสุขาภิบาลของจังหวัดให้ถูกสุขอนามัย เหล่านี้จะช่วยให้จังหวัดกระแจะกลายเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศในอนาคตอันใกล้

ชุก ชุมนอร์ โฆษกประจำกระทรวงท่องเที่ยวกัมพูชา เปิดเผยผ่านสำนักข่าวท้องถิ่นขะแมร์ ไทมส์ ว่า รัฐบาลกัมพูชามีแผนผลักดันให้จังหวัดกระแจะเข้าเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลก ร่วมกับจังหวัดพระตะบองและจังหวัดกำปอต ซึ่งกำลังมีการทำงานร่วมกันกับองค์การยูเนสโก เพื่อให้จังหวัดทั้ง 3 แห่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกของประเทศก่อนเป็นลำดับแรก และจะทำการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในขั้นตอนถัดไป

“เรามีความมุ่งมั่นสร้างความเข้มแข็งให้กับสินค้าและบริการท่องเที่ยว ระเบียบข้อบังคับ ความปลอดภัย เช่นเดียวกับการพัฒนาเขตพื้นที่การท่องเที่ยวเชิงนิเวศในจังหวัดเหล่านั้นด้วย” ชุก ชุมนอร์ กล่าวเสริม

จากสถิติของกระทรวงท่องเที่ยวกัมพูชาในปีที่ผ่านมา พบว่า จังหวัดกระแจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวราว 3.49 แสนคน เพิ่มขึ้น 15.2% จากปีก่อนหน้า ซึ่งในจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวน 25,990 คน ส่วนมากเป็นนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวฝรั่งเศส ซึ่งนิยมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ในขณะที่การท่องเที่ยวกัมพูชาในภาพรวม พบว่า นักท่องเที่ยวจีนยังคงเป็นเชื้อชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในกัมพูชามากที่สุด ซึ่งมีจำนวนมากขึ้นในแต่ละปี
รองลงมาเป็นเวียดนาม และลาว ตามลำดับ