posttoday

ไทยเนื้อหอมแห่ลงทุน

20 กุมภาพันธ์ 2562

หอการค้าต่างชาติเชื่อลงทุนไทยยังเนื้อหอม แม้เวียดนามทำเอฟทีเออียูและเป็นสมาชิกซีพีทีพีพีก่อนไทย

โพสต์ทูเดย์ - หอการค้าต่างชาติเชื่อลงทุนไทยยังเนื้อหอม แม้เวียดนามทำเอฟทีเออียูและเป็นสมาชิกซีพีทีพีพีก่อนไทย

นายสแตนลีย์ คัง ประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในไทย เปิดเผยว่า แม้เวียดนามจะเป็นสมาชิกหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ภาคพื้นแปซิฟิก (ซีพีทีพีพี) และจัดทำเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) เวียดนามกับสหภาพยุโรป (อียู) ก่อนไทย แต่เชื่อว่านักลงทุนต่างประเทศยังคงมองไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุนอยู่เช่นเดิม เนื่องจากไทยมีสภาพแวดล้อมหรือโครงสร้างพื้นฐานการทำธุรกิจที่เอื้ออำนวยต่อนักลงทุนต่างชาติอยู่หลายด้าน ดังนั้นสิ่งที่ไทยจะต้องเร่งดำเนินการหลังจากนี้ คือ การเข้าร่วมเขตการค้าเสรีกับประเทศต่างๆ เพื่อสร้างแต้มต่อให้ประเทศไทยในอนาคต

“นักลงทุนต่างชาติมองการลงทุนไทยกับเวียดนามไม่เหมือนกัน แม้ว่าไทยและเวียดนามจะเป็นประเทศในภูมิภาคอาเซียน แต่ก็ยังมีบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุนแตกต่างกัน อย่างปัญหาคอร์รัปชั่นของไทย สถานการณ์ดูดีกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนตัดสินใจนำมาประเมินในการเข้าไปลงทุน เพราะการคอร์รัปชั่นเป็นต้นทุนของการทำธุรกิจที่ต้องจ่ายโน่นจ่ายนี่ไม่มีใบเสร็จ ทำให้ทั่วโลกต้องการที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้หมดไป” นายสแตนลีย์ คัง กล่าว

ด้าน นายทสึโยชิ อิโนะอุเอะ กรรมการผู้จัดการหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ กล่าวว่า บริษัทญี่ปุ่นเลือกเข้าไปลงทุนไทยกับเวียดนามมีวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน หากเลือกเวียดนามก็จะเป็นการตัดสินใจจากเรื่องค่าแรงงานที่ถูกกว่าไทย แต่การเลือกลงทุนในไทยเพราะไทยเป็นห่วงโซ่การผลิต หรือซัพพลายเชนที่สำคัญในภูมิภาค

ดังนั้น แม้เวียดนามจะมีเอฟทีเอกับอียูและเป็นสมาชิกซีพีทีพีพีก่อนไทย ไม่ได้ทำให้นักลงทุนญี่ปุ่นจะตัดสินใจไปลงทุนเวียดนามแทนไทย เพราะต้องมองภาพรวมรอบด้านด้วย แต่ก็ต้องการให้ไทยเข้าร่วมซีพีทีพีพี เพราะมองว่าจะเป็นประโยชน์ต่อไทย และยังทำให้ต่างชาติมองไทยว่าเป็นประเทศที่เปิดรับการลงทุน

“ไทยควรจะต้องพัฒนาบุคลากรภายในประเทศ เพื่อรองรับการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งจากการสอบถามบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่น พบว่าสัดส่วน 65% ตอบว่าประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากรด้านวิศวกร บุคลากรระดับบริหาร และระดับผู้จัดการ” นายทสึโยชิ กล่าว