posttoday

‘โก วี เม็ง’ เจ้าพ่อบัดเจ็ตโฮเต็ล

28 มกราคม 2562

บัดเจ็ตโฮเต็ลนับเป็นหนึ่งในภาคธุรกิจที่สามารถสร้างกำไรมหาศาลให้กับนักลงทุนทั่วภูมิภาคอาเซียนประสบความสำเร็จมาแล้วหลายรุ่น

เรื่อง ทศพล หงษ์ทอง

บัดเจ็ตโฮเต็ลนับเป็นหนึ่งในภาคธุรกิจที่สามารถสร้างกำไรมหาศาลให้กับนักลงทุนทั่วภูมิภาคอาเซียนประสบความสำเร็จมาแล้วหลายรุ่น เช่นเดียวกับมหาเศรษฐีอันดับที่ 27 ของสิงคโปร์ผู้นี้ที่ถือครองทรัพย์สินมากกว่า 7 หมื่นล้านบาท เป็นเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ถือครองสินทรัพย์ด้านที่อยู่อาศัยหลายร้อยแห่งทั่วโลก เรียกได้ว่าสามารถตีตั๋วเครื่องบินไปนอนชิลได้รอบโลกตัวจริงของจริง

ด้วยความเก่งกาจและวิสัยทัศน์ด้านผู้นำของเขาจึงได้รับการยกย่องจากนักลงทุนทั่วประเทศให้เป็นหนึ่งในสุดยอดมือทองแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ นักลงทุนที่เข้ามาร่วมลงทุนใน Fragrance พวกเขาไม่ได้ลงทุนให้กับบริษัท แต่เขาลงทุนในตัว โก วี เม็ง (Koh Wee Meng)

ปัจจุบัน Fragrance มีกิจการในหลากหลายทั้งสิงคโปร์ ออสเตรเลีย และอังกฤษ อาทิ เมืองลอนดอน เมืองแมนเชสเตอร์ เมืองโฮบาร์ต รวมถึงในอีกหลายประเทศในยุโรป Fragrance มีสถิติการเทกโอเวอร์อสังหาริมทรัพย์เฉลี่ย 1 แห่ง/เดือน ในปี 2017 ที่ผ่านมาพบว่ามีรายได้ 7,000 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 66% ขณะที่กำไรขยายตัวด้วยเช่นกันที่ 65% อยู่ที่ 2,485 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากโครงการก่อสร้างใหม่ที่เริ่มทยอยเปิดตัวและรับรู้รายได้เต็มปี

โรงแรมราคาประหยัด ที่เน้นสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน โดยคิดราคาห้องพัก 350-1,500 บาท ได้รับอานิสงส์จากตลาดการท่องเที่ยวของประเทศซึ่งถือว่ามีสนามบินดีที่สุดในโลกอย่างชางฮีแอร์พอร์ตและเป็นฮับการขนส่งทางน้ำของอาเซียนอีกด้วย ส่งผลให้ในปี 2018 ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศกว่า 16 ล้านคน ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 6% ต่อปี

โก วี เม็ง สังเกตเห็นโอกาสของตลาด จึงเริ่มก่อตั้ง Fragrance ในปี 1990 ที่เริ่มมีผู้คนเดินทางมาท่องเที่ยวสิงคโปร์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะนักเดินทางแบ็กแพ็กและนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ที่ใฝ่หาการท่องเที่ยวแบบประหยัดจึงเป็นที่มาของบัดเจ็ตโฮเต็ลแห่งแรกใน Geylang ก่อนจะพัฒนามาเป็นเทรนด์โรงแรมแบบ Hostel ที่กำลังฮิตอยู่ในปัจจุบันสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มเป้าหมายดังกล่าวในเอเชียเติบโตรวดเร็วขนาดไหน

จากสถิติพบว่าตลาดบัดเจ็ตโฮเต็ลใหญ่ที่สุดอยู่ในอเมริกามากกว่า 1 ล้านยูนิต รองลงมาคือดินแดนอังกฤษมาก กว่า 3.5 แสนยูนิต ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นมีตัวเลขผู้เข้าพักสูงที่สุด ส่วนอินโดนีเซียมีมูลค่าตลาดที่เติบโตเร็วสุดเช่นเดียวกับในฮ่องกงและจีนที่เทรนด์เเละ
รายได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

สุดท้ายเขาเผยเคล็ดลับในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ว่าคนที่สนใจจำเป็นต้องมีความใจเย็น เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์เป็นการลงทุนระยะยาวที่มั่นคง ไม่แตกต่างจากผลไม้ที่อาจเปรี้ยวและขมบ้างในช่วงเริ่มต้น จึงต้องอดทนรอวันที่มันสุกงอมออกดอกผลให้เราได้เก็บเกี่ยว

‘โก วี เม็ง’ เจ้าพ่อบัดเจ็ตโฮเต็ล