รัฐผนึกเอกชน ดันออนไลน์ข้ามพรมแดน
รายงานผลการสำรวจของ UNCTAD ในปี 2560 ระบุว่า การค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกมีมูลค่าถึง 25.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายงานผลการสำรวจของ UNCTAD ในปี 2560 ระบุว่า การค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกมีมูลค่าถึง 25.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) มีมูลค่า 22.3 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบธุรกิจกับผู้บริโภค (Business-to-Customer : B2C) มีมูลค่า 2.9 ล้านล้านดอลลาร์ จะเห็นได้ว่าช่องทางการค้าผ่านออนไลน์มีโอกาสสูงและขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกที
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) นำโดย กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธาน สรท. ณัฐพล เดชวิทักษ์ รองประธาน และคงฤทธิ์ จันทริก ผู้อำนวยการบริหาร จัดประชุมหารือและส่งมอบผลการศึกษาข้อเสนอแนะการพัฒนาแพลตฟอร์ม การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดนแบบธุรกิจกับธุรกิจ (B2B Cross Border e-Trading Platform) เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายให้แก่คณะกรรมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน พิจารณาประกอบเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการค้าออนไลน์ข้ามพรมแดนแบบธุรกิจกับธุรกิจของไทย
บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนาและขับเคลื่อนการค้าในรูปแบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้บูรณาการความร่วมมือกับทุกกระทรวง รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนแผนพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ
สำหรับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้ดำเนินการขยายช่องทางการค้าแบบออนไลน์ผ่าน Thaitrade.com และพันธมิตรพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำที่ได้รับความนิยมสูงในโลก อาทิ Amazon eBay Gosoko Redmart Coupang และ Alibaba เพือสร้างโอกาสทางการค้าให้เกษตรกร เอสเอ็มอี และผู้ประกอบการรายใหม่สู่ตลาดโลก อาทิ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย แอฟริกา ยุโรป สหรัฐ และแคนาดา สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการปีละประมาณ 1,000-1,500 ล้านบาท มีผู้ประกอบการรายใหม่เข้าสู่การค้าออนไลน์ปีละประมาณ 1 หมื่นราย
ด้านสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ในฐานะกรรมการในคณะกรรมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ได้เล็งเห็นว่าประเทศไทยต้องมีการพัฒนาการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดนแบบธุรกิจกับธุรกิจเพื่อสนับสนุนให้ผู้ส่งออกและธุรกิจที่เกี่ยวข้องของไทยสามารถใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์ม การพาณิชย์ฯ ในการเพิ่มมูลค่าทางการค้าระหว่างประเทศและแข่งขันกับต่างได้ประเทศได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ สรท.จึงได้จัดทำข้อเสนอแนะการพัฒนาแพลตฟอร์มการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดนแบบธุรกิจกับธุรกิจ เพื่อเป็นแนวทางในการกำหนดกลไกขับเคลื่อนและข้อเสนอแนะการส่งเสริมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดนแบบธุรกิจกับธุรกิจ สำหรับให้คณะกรรมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์นำไปใช้ประโยชน์ในเชิงนโยบาย
สำหรับผลการศึกษา แบ่งเป็น 5 ส่วนสำคัญ ได้แก่
1.การเข้าสู่ตลาดการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในฐานะผู้ส่งออกหรือผู้ขาย
2.การบริการที่สนับสนุนด้านการเงินและระบบการชำระเงินออนไลน์
3.การใช้บริการด้านโลจิสติกส์
4.การเจรจาต่อรองเงื่อนไขการค้าระหว่างประเทศผ่านแพลตฟอร์ม เพื่อให้สามารถรองรับการกำหนดเงื่อนไขการค้าระหว่างประเทศ
5.การฝึกอบรมผู้ประกอบการที่ต้องการใช้บริการแพลตฟอร์ม
ปัจจุบันคู่ค้าที่สำคัญของไทยทั้งจีนและสหรัฐอเมริกาล้วนมีมูลค่าการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบข้ามพรมแดนสูง โดยจีนเป็นประเทศที่มีมูลค่าการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบ B2C มากที่สุดถึง 617 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่สหรัฐอเมริกามีมูลค่าการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบ B2B มากที่สุด ดังนั้น การพัฒนาแพลตฟอร์มการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดนแบบ B2B จึงถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศของไทยให้เข้าสู่การค้ายุคดิจิทัลได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน