posttoday

เปิดมุมมอง‘บู่ย หาย นาม’ สตาร์ทอัพแห่งปี

17 ธันวาคม 2561

ใครเป็นใครในอาเซียนสัปดาห์นี้จะมาทำความรู้จักกับเทคสตาร์ทอัพรุ่นใหม่จากประเทศเวียดนาม ผู้ชนะเลิศเวทีการแข่งขันสตาร์ทอัพเวียดนาม 2561 ทั้งได้รับเงินลงทุนมูลค่าถึง 5,000 ล้านด่อง

เรื่อง ปิยนุช ผิวเหลือง

ใครเป็นใครในอาเซียนสัปดาห์นี้จะมาทำความรู้จักกับเทคสตาร์ทอัพรุ่นใหม่จากประเทศเวียดนาม ผู้ชนะเลิศเวทีการแข่งขันสตาร์ทอัพเวียดนาม 2561 ทั้งได้รับเงินลงทุนมูลค่าถึง 5,000 ล้านด่อง

“การเข้าแข่งขันเวทีสตาร์ทอัพเป็นสิ่งท้าทายและกระตุ้นให้ผมเรียนรู้วิธีการปรับปรุงความคิดของตนเอง” บู่ย หาย นาม ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ ดาต้ามาร์ท โซลูชั่น ผู้ชนะการแข่งขันสตาร์ทอัพเวียดนามปี 2561 กล่าว ทั้งนี้ ดาต้ามาร์ท โซลูชั่น ได้รับเงินทุน 5,000 ล้านด่อง จาก Asanzo ทั้งกำลังเป็นที่สนใจของสื่อกระแสหลักเวียดนาม เนื่องด้วยหลายปีมานี้รัฐบาลเวียดนามให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคสตาร์ทอัพอย่างจริงจัง ถึงขนาดตั้งเป้าให้โฮจิมินห์ซิตี้กลายเป็นเมืองสตาร์ทอัพสำคัญของโลกในอีกไม่กี่ปี

สำนักข่าวท้องถิ่นเวียดนามนิวส์ ระบุว่า ดาต้ามาร์ท โซลูชั่น (Datamart Solutions) เป็นผู้ให้บริการด้านการตลาดและการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับอี-คอมเมิร์ซ ทั้งนี้เป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่โดดเด่นในเวียดนาม โดยใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ (AI) เข้ามาวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ซึ่ง ดาต้ามาร์ท โซลูชั่น ได้ดำเนิโครงการ PowerSell เพื่อช่วยเหลือผู้ค้าปลีกบนแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ

“ในตอนแรกเราทำงานกับแบรนด์ใหญ่ๆ แต่เนื่องจากฐานลูกค้าของเราขยายตัว และเราสังเกตเห็นว่าผู้ค้าปลีกรายเล็กยังไม่ค่อยรู้วิธีการใช้ประโยชน์จากข้อมูลและตัวเลข เนื่องจากยังติดอยู่กับวิธีการทำธุรกิจแบบเดิมๆ เป็นเหตุผลในการขับเคลื่อนโครงการPowerSell ของเรา” บู่ย หาย นาม กล่าว

ทั้งนี้ PowerSell จะช่วยให้ร้านค้าปลีกรายย่อยใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลได้มากขึ้น ผ่านการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลโดยเทคโนโลยีที่ดาต้ามาร์ทคิดค้น นอกจากนี้ ดาต้ามาร์ทยังทำหน้าที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยีอัจฉริยะ (AI) เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางธุรกิจของผู้ประกอบการ

บู่ย หาย นาม กล่าวว่า สังคมสตาร์ทอัพของเวียดนามเติบโตอย่างรวดเร็วจากการสนับสนุนของรัฐบาล ศูนย์บ่มเพาะสตาร์ทอัพ กองทุนช่วยเหลือสตาร์ทอัพ และสื่อต่างๆ ให้ความสนใจ ซึ่งกลุ่มสตาร์ทอัพส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ มีไฟ และมีกำลังในการขับเคลื่อนธุรกิจ ขณะที่อีกไม่นานเมืองโฮจิมินห์ จะกลายเป็นศูนย์กลางของสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก เนื่องจากมีบริษัทสตาร์ทอัพชั้นนำทั่วโลก อาทิ แกร็บ ลาซาด้า และ TinyPulse กำลังจัดตั้งสาขาที่ โฮจิมินห์ หมายความว่าบุคลากรของเวียดนามสามารถเรียนรู้จากบริษัทเหล่านี้เพื่อพัฒนาความรู้และประสบการณ์ นำมาพัฒนาสตาร์ทอัพในประเทศของตนเอง

สำหรับมุมมองด้านเทคโนโลยีกับสตาร์ทอัพ บู่ย หาย นาม แสดงความคิดเห็นว่า สตาร์ทอัพทุกรายไม่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีทั้งหมด แต่ควรเน้นสิ่งที่ตนเองถนัดและร่วมมือกับสตาร์ทอัพรายอื่นที่มีความถนัดด้านเทคโนโลยี เพื่อสร้างการเติบโตไปพร้อมกัน เพราะความร่วมมือคือหนทางหนึ่งที่สามารถนำสตาร์ทอัพไปสู่ความสำเร็จได้

“เทคโนโลยี 4.0 เป็นเครื่องมือในการช่วยสร้างนวัตกรรม แต่ไม่ได้หมายความว่าสตาร์ทอัพทุกรายต้องเลือกใช้วิธีนี้ สำหรับเราเลือกใช้เทคโนโลยี 4.0 เนื่องจากทีมผู้ก่อตั้งมีประสบการณ์ในการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งเทคโนโลยี 4.0 ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญ 100% สำหรับผู้ประกอบการที่ไม่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ควรให้ความสำคัญกับสิ่งที่ตนเองถนัด”
บู่ย หาย นาม กล่าว

สำหรับแผนทางธุรกิจในอนาคต เขาเปิดเผยว่า ต้องการขยายธุรกิจไปยังตลาดอาเซียน ผ่านความร่วมมือกับสตาร์ทอัพรายอื่นๆ ทั้งนี้เขายังเชื่อว่าโฮจิมินห์จะกลายเป็นศูนย์กลางด้านสตาร์ทอัพที่เติบโตรวดเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย

“ผมคิดว่าสตาร์ทอัพสามารถทำงานร่วมกันมากกว่าการพยายามทำลายคู่แข่งคนอื่นๆ” เขากล่าวทิ้งท้าย