สงครามการค้า โอกาสสิ่งทออินโดนีเซีย

โดย...ชลธิชา ภัทรสิริวรกุล

ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ประกอบกับกำลังซื้อภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อุตสาหกรรมสิ่งทอของอินโดนีเซียเติบโตตามไปด้วย

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย รายงานข้อมูลว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนได้สร้างโอกาสใหม่ๆ แก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสิ่งทอของอินโดนีเซีย ขณะเดียวกันรัฐบาลอินโดนีเซียก็ให้การสนับสนุนคนรุ่นใหม่ในการขยายธุรกิจสิ่งทอเพื่อตอบสนองต่อความต้องการภายในประเทศที่ขยายตัวเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน

เรื่องนี้ทางสมาคมสิ่งทอของอินโดนีเซีย ภูมิภาคชวาตะวันตก (API Jabar) ให้ข้อมูลเสริมว่า ความต้องการทั่วโลกเพิ่มขึ้น ทำให้การส่งออกสิ่งทอในปี 2560 เพิ่มสูงขึ้นถึง 5% และในปี 2561 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8% โดยปัจจุบันมีเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นถึง 100% และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการส่งออกที่ตั้งไว้ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ สิ่งทอที่ผลิตในประเทศสามารถตอบสนองความต้องการของประชากรอินโดนีเซียเพียง 60 ล้านคน เนื่องจากความต้องการสิ่งทอของอินโดนีเซียต่อคนได้เพิ่มขึ้นจาก 4.5 กิโลกรัม เป็น 6.5 กิโลกรัม ทำให้ที่เหลือยังต้องมีการนำเข้า

นอกจากนี้ ปัจจุบันตลาดสิ่งทออินโดนีเซียยังคงส่งออกไปที่ตลาดแบบดั้งเดิมอย่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป

อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ปี 2563 รัฐบาลอินโดนีเซียและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสิ่งทออินโดนีเซียจะสนับสนุนการส่งออกพร้อมกับการใช้แรงงานที่มีอยู่ในภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอ และการพัฒนารูปแบบของสิ่งทอให้มีความสร้างสรรค์และนวัตกรรมมากขึ้น เพื่อให้รายได้ของอุตสาหกรรมสิ่งทออินโดนีเซียในช่วงปี 2568-2578 อยู่ที่ 3-5 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย กล่าวว่า อุตสาหกรรมสิ่งทอของอินโดนีเซียเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงผลักดันจากความต้องการในประเทศและทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นจากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ตลาดส่งออกที่สำคัญของอินโดนีเซีย ได้แก่ สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ความต้องการสิ่งทอในประเทศเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการสิ่งทอของประชากรต่อหัวเพิ่มขึ้นและจำนวนประชากรขนาดใหญ่

“ขณะเดียวกันรัฐบาลอินโดนีเซียสนับสนุนนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในอินโดนีเซียมากกว่าการนำเข้า เพื่อพัฒนาฝีมือแรงงานและการจ้างงานในประเทศ รวมถึงช่วยลดการขาดดุลการค้าและบัญชีเดินสะพัดของประเทศ ดังนั้น หากต้องการลงทุนต้องศึกษากฎระเบียบ ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และสิ่งจูงใจที่รัฐบาลอินโดนีเซียเสนอให้กับนักลงทุนเพื่อประโยชน์สูงสุดของนักลงทุนไทย” สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียให้ความเห็นเสริม