posttoday

ชาเฉิงไฮ่ ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์แห่งอาเซียน’

15 ตุลาคม 2561

ผู้ก่อตั้งหอการค้ามาเลเซีย-ฮ่องกง และผลักดันการใช้สกุลเงินดิจิทัลและฟินเทคในฮ่องกง

โดย...ทศพล หงษ์ทอง

ดาโต๊ะ ชาเฉิงไฮ่ (Cheah Cheng Hye) ถูกขนานนามว่าเป็น วอร์เรน บัฟเฟตต์ แห่งอาเซียน พ่อมดแห่งตลาดหุ้นผู้เนรมิตตัวเลขผลกำไรมหาศาลให้กับนักลงทุน ผู้ก่อตั้งบริษัทด้านการลงทุนที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของดินแดนศูนย์กลางการลงทุนโลกอย่างฮ่องกง

นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ก่อตั้งหอการค้ามาเลเซีย-ฮ่องกง และเป็นผู้ผลักดันการใช้สกุลเงินดิจิทัลและฟินเทคในฮ่องกงผ่านการดำรงตำแหน่งสภาที่ปรึกษาด้านการเงินของรัฐบาล (Financial Services Development Council : FSDC) ถึงขนาดมีการพูดกันว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า ฮ่องกงต้องการพ่อมดการเงินแบบชาเฉิงไฮ่ ไม่ใช่เจ้าสัวด้านธุรกิจอย่างลีกาชิงหรือลีเชากี อีกต่อไป ด้วยความจมูกไวเขาเคยขายหุ้นให้บัฟเฟตต์ตัวจริงและฟันกำไรได้ถึง 2,000 ล้านบาท

เจ้าของสินทรัพย์มูลค่า 2 หมื่นล้านบาทผู้นี้เกิดในเมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย เช่นเดียวกับเด็กยากจนทั่วไปเขาได้รับการศึกษาจากโรงเรียนสวัสดิการรัฐบาลไปจนถึงระดับชั้นมหาวิทยาลัย

หลังจากเรียนจบได้รับการบรรจุเข้าทำงานเป็นรีไรเตอร์ที่หนังสือพิมพ์เดอะสตาร์ในมาเลเซีย ก่อนผันตัวไปเป็นคอลัมนิสต์ด้านเศรษฐกิจการลงทุนที่สำนักพิมพ์ดิเอเชียน วอลล์สตรีทเจอร์นัล และฟาร์ อีสเทิร์น อิโคโนมิก รีวิว ในฮ่องกง วิพากษ์วิจารณ์และล้มลุกคลุกคลานในตลาดเงินตลาดทุนอยู่ไม่นานจนสามารถก่อตั้งบริษัทด้านการลงทุนนามว่า แวลู พาร์ตเนอร์ส กรุ้ป(Value Partners Group) ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าของบริษัทกว่า 6 แสนล้านบาท

ในปีที่ผ่านมาบริษัทของเขามีรายได้ถึง 1.47 แสนล้านบาท นับว่าเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดคิดเป็น 193% จากปีก่อนหน้า เช่นเดียวกับตัวเลขกำไรที่เติบโตอย่างบ้าคลั่งถึง 1,015% ปิดยอดตลอดปีที่ 7.8 หมื่นล้านบาท โดยได้รับแรงปัจจัยสนับสนุนจากตลาดหุ้นจีนที่สุขภาพดีและตลาดหุ้นฮั่งเส็งที่ตลอดปีก่อนมูลค่าหุ้นบวกถึง 40%

“การลงทุนมีความเสี่ยง ความเสี่ยงเกิดจากความไม่รู้ ถ้าหากนักลงทุนมีความรู้และทำการบ้านดีพอ ความเสี่ยงที่สุดคือการไม่กล้าตัดสินใจ”

“ในโลกทุนนิยมสุดโต่งเงินลอยอยู่ในอากาศทุกนาที แต่คำถามคือเราจะคว้ามันมาได้อย่างไร และจงคิดเสมอว่าพอมีวิธีใดบ้างที่จะให้เงินช่วยทำงานในขณะที่เรานอนหลับ หรือคุณยังคงยินดีที่จะรับดอกเบี้ยต่ำเตี้ยเรี่ยดินจากแบงก์ต่อไปเรื่อยๆ”

ชาเฉิงไฮ่ ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์แห่งอาเซียน’

ข้างต้นคือมุมมองต่อการลงทุนของพ่อมดตลาดหุ้นแห่งเอเชีย ชาเฉิงไฮ่มองการลงทุนคือโอกาสของชีวิตและนับจากนี้โอกาสของเขาอยู่ในแผ่นดินใหญ่อย่างประเทศจีน ชาเฉิงไฮ่ อธิบายว่า ในอีก 18 ปีข้างหน้าตลาดด้านการบริหารสินทรัพย์ในจีนจะเติบโตเพิ่มขึ้น 500% จนมีมูลค่าสูงถึง17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (595 ล้านล้านบาท)
ดังนั้นเขาจึงกล้าพนันกับทุกคนว่าตลาดเงินตลาดทุนในจีนจะบ่อขุดทองของนักลงทุนที่ทันเกม

เช่นเดียวกับ บัฟเฟตต์ เขาคลั่งไคล้แนวทางการลงทุนเชิงคุณค่า (Value Investment) “จงกลัวในยามที่ทุกคนโลภและจงโลภในยามที่ทุกคนกลัว” กล่าวคือช่วงเวลาในการซื้อหุ้นที่ดีที่สุดคือช่วงเวลาที่ถูกเทขายจนราคาถูกกดต่ำลงในทางกลับกันช่วงเวลาขายหุ้นดีที่สุดคือช่วงเวลาที่ทุกคนรุมซื้อจนราคาถูกดันสูงกว่าปกติ

ดังนั้น นักลงทุนที่ดีนอกจากหมั่นศึกษาแล้วยังต้องอดทนรอช่วงเวลาที่เหมาะสมด้วยและจงจำไว้ว่าอีโก้เป็นศัตรูตัวฉกาจของนักลงทุนอย่าให้ศักดิ์ศรีทำเราถังแตก

สุดท้าย ชาเฉิงไฮ่ มองว่าเศรษฐกิจของโลกยังคงเติบโตได้ดีตามปริมาณประชากรที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นประเภทกิจการที่น่าเข้าไปลงทุนคือกลุ่มไอที เฮลท์แคร์ และด้านการศึกษาเพื่อตอบสนองความต้องการที่ไม่สิ้นสุดของประชากรโลก โดยเฉพาะธุรกิจด้านการศึกษานั้นในอนาคตจะสร้างเซอร์ไพรส์ให้นักลงทุนได้อีกมาก

ส่วนโบรกเกอร์ให้จับตาเงินหลายล้านล้านบาทที่หมุนเวียนอยู่ในเศรษฐกิจจีนในตอนนี้เงินเหล่านั้นจะไหลไปลงทุนในประเทศต่างๆ ในอีกไม่ช้า

ขณะที่วิกฤตเศรษฐกิจในอนาคตจะเกิดขึ้นภายใน 5-10 ปีนับจากนี้ในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรปจากความไม่แน่นอนทางการเมืองของแต่ละประเทศในทวีป โดยเฉพาะรัฐบาลที่ใช้นโยบายประชานิยมเพื่อกระตุ้นตัวเลขเศรษฐกิจในระยะสั้น ทว่าส่งผลต่อวิกฤตทางการเงินให้กับประเทศในระยะยาวพอถึงเวลานั้นแล้วก็ไม่มีใครอยู่
รับผิดชอบ