posttoday

แนะเลิกเก็บภาษีซ้อน พาณิชย์จี้กัมพูชาผ่อนปรนนำเข้าสินค้าไทยเอื้อขยายลงทุนสองฝั่ง

07 กรกฎาคม 2561

"สนธิรัตน์" แนะกัมพูชาเว้นการเก็บภาษีซ้อน หวังลดช่องว่างทางการค้าและเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้

"สนธิรัตน์" แนะกัมพูชาเว้นการเก็บภาษีซ้อน หวังลดช่องว่างทางการค้าและเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้หารือกับนายลง วิซาโล เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ถึงแนวทางการส่งเสริมการค้า การลงทุน เพื่อผลักดันมูลค่าการค้าระหว่างกันนั้น โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า การส่งเสริมการลงทุนในกัมพูชาจะเป็นอีกหนึ่งหนทางที่จะช่วยลดช่องว่างทางการค้าและเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันได้ โดยไทยได้เร่งรัดให้กัมพูชาดำเนินการ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลง เพื่อเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา โดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนการเข้าไปลงทุนของไทยในกัมพูชา

นอกจากนี้ ไทยยังได้ขอให้กัมพูชาพิจารณาผ่อนปรนให้ผู้ประกอบการสามารถนำเข้าสินค้าน้ำมันสำเร็จรูปทางบกได้ดังที่เคยอนุญาตในอดีต นอกจากจะช่วยลดต้นทุนในการขนส่งได้แล้ว ยังส่งผลดีต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของกัมพูชาในปัจจุบันที่ต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ไทยได้ขอให้การเลือกตั้งทั่วไปของกัมพูชาที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 ก.ค.นี้ ประสบความสำเร็จด้วยดี ซึ่งไทยพร้อมทำงานร่วมกับรัฐบาลกัมพูชาในการผลักดันการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจร่วมกัน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายสามารถเติบโตไปพร้อมกันได้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ไทยและกัมพูชาได้ตั้งเป้าหมายในการเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็น 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2563 โดยจะเน้นย้ำถึงการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้ผลประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืน

สำหรับช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2556-2560) การค้าระหว่างไทยกับกัมพูชามีมูลค่าเฉลี่ยประมาณปีละ 5,419.7 ล้านดอลลาร์ ในปี 2560 การค้ารวมไทย-กัมพูชา มีมูลค่า 6,164.9 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.9% โดยกัมพูชาเป็นคู่ค้าอันดับที่ 21 ของไทยในโลก

ขณะที่มูลค่าการค้าชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชามีมูลค่ารวม 1.25 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 59.98% ของมูลค่าการค้าทั้งหมด สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปกัมพูชา ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องดื่ม รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ และน้ำตาลทราย ขณะที่สินค้านำเข้า ได้แก่ ผัก ผลไม้ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องเพชรพลอยอัญมณี เงินแท่งและทองคำ