posttoday

นกแอร์รุกตลาดเอเชีย

20 กุมภาพันธ์ 2561

นกแอร์เพิ่มฝูงบินรุกตลาดเอเชีย เพิ่มไฟลต์เจาะตลาดจีนคาด ทัวริสต์โต 100% ยอดพุ่ง 1 ล้านคน

นกแอร์เพิ่มฝูงบินรุกตลาดเอเชีย เพิ่มไฟลต์เจาะตลาดจีนคาด ทัวริสต์โต 100% ยอดพุ่ง 1 ล้านคน

นายปิยะ ยอดมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ เปิดเผยว่า การแข่งขันของตลาดสายการบินต้นทุนต่ำ หรือโลว์คอสต์แอร์ไลน์ ในภูมิภาคจะเข้มข้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง นกแอร์จึงวางแผนเจาะตลาดเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นตัวสร้างรายได้หลักให้กับเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทย

ทั้งนี้ ในปี 2560 สายการบินได้เปิดให้บริการเส้นทางใหม่ไปยังเมืองต่างๆ ในประเทศจีน ได้แก่ เมืองเป่าโถว เมืองฉางซา เมืองจุนอี้ เมืองเจิ้งโจว เมืองเฉิงตู เมืองต้าถง เมืองไห่โขว เมืองหลินยี่ เมือง เหมยเซี่ยน เมืองหนานชาง เมืองหนานหนิง เมืองหนานทง เมืองเหยียนเฉิง เมืองหยินชวน และเมืองอี๋ชาง เป็นเส้นทางที่ให้บริการจากดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต และอู่ตะเภา ส่งผลให้ปริมาณผู้โดยสารชาวจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าในปี 2561 จำนวนผู้โดยสารชาวจีนจะขยายตัวมากกว่า 100% อยู่ที่ราว 1 ล้านคน จากปีก่อนอยู่ที่ 5 แสนคน คิดเป็นสัดส่วนผู้โดยสารทั้งหมดมากกว่า 10%

อย่างไรก็ตาม นกแอร์จะเร่งเพิ่มความถี่เส้นทางบินในเมืองหลักของประเทศจีนควบคู่ไปกับการขายตั๋วโดยสารโดยตรงแบบไม่ผ่านนายหน้า หรือ B2C : Business to Customer มากขึ้น นอกจากนี้จะยังเปลี่ยนรูปแบบตารางบินในประเทศจีนให้เป็นเที่ยวบินประจำ (Schedule Flight) ทั้งหมดจากเดิมที่เป็นเที่ยวบินไม่ประจำ (Chateau Flight)

นายปิยะ กล่าวว่า นกแอร์มีแผนลงทุนจัดซื้อเครื่องบินเพิ่ม 8 ลำ เพื่อเดินหน้าชิงเค้กตลาดการบินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เบื้องต้นจะเป็นการเช่าทั้งหมดแต่อาจมีแนวโน้มปรับแผนเป็นเช่า 4 ลำ และซื้อ 4 ลำ หากผลศึกษาพบว่ามีความคุ้มค่าทางด้านต้นทุนและด้านซ่อมบำรุงมากกว่า

อย่างไรก็ดี ได้แบ่งการส่งมอบเครื่องบินเป็นระยะ ภายในปี 2562-2564 แบ่งเป็นส่งมอบ 2 ลำแรก ในเดือน ต.ค. 2562 ก่อนทยอยส่งมอบอีก 2 ลำ ในปี 2563 และส่งมอบอีก 4 ลำ ในปี 2564 โดยหลังจากที่ทยอยรับมอบเครื่องบินใหม่แล้วนกแอร์จะดำเนินการปรับสลอตการบินในสนามบินดอนเมือง พร้อมกับพิจารณาเพิ่มฟลีตเครื่องบินในสนามบินภูเก็ตและสนามบินอู่ตะเภาอีกด้วย

ด้านการเจาะตลาดเอเชียนั้นจะเน้นไปที่เส้นทางบินระยะกลาง ซึ่งจะใช้เวลาเดินทาง 5-7 ชั่วโมง โดยเริ่มจากการเปิดเส้นทางบินตรงไปสู่ 3 เมืองหลักของอินเดียภายในเดือน มิ.ย.นี้ เนื่องจากเป็นตลาดศักยภาพที่มีประชากรจำนวนมาก ก่อนเดินหน้าเจาะตลาดเมืองรองประเทศญี่ปุ่นที่ยังไม่มี คู่แข่งมากนัก รวมถึงการเปิดตลาดนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้ออย่างประเทศเกาหลีด้วย

"การเปิดเส้นทางบินเพิ่มขึ้นในเอเชียนั้นต้องพิจารณาหลากหลายด้านทั้ง ดีมานด์ การเดินทางและคู่แข่งในแต่ละประเทศ โดยหลักแล้วจะเน้นเพิ่มเส้นทางบินในประเทศจีนเพราะผู้โดยสารชื่นชอบประเทศไทย" นายปิยะ กล่าว