posttoday

เปิดกลยุทธ์โรงแรมในเมียนมา

02 พฤศจิกายน 2560

การเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศของเมียนมา ด้วยการผ่อนคลายกฎหมายด้านการลงทุน ตั้งแต่ปี 2010 ส่งผลให้มูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเติบโตอย่างก้าวกระโดด

โดย...EIC | Economic Intelligence Center 

การเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศของเมียนมา ด้วยการผ่อนคลายกฎหมายด้านการลงทุน ตั้งแต่ปี 2010 ส่งผลให้มูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) ของเมียนมาเติบโตอย่างก้าวกระโดด ข้อมูลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) พบว่าอัตราการเติบโตของเอฟดีไอสูงถึง 35% ต่อปี

ในปี 2010-2015 ซึ่งการเปิดประเทศยังส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เนื่องจากนักท่องเที่ยวมั่นใจเข้าไปท่องเที่ยวมากขึ้น สะท้อนจากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติของกระทรวงการท่องเที่ยวและโรงแรมแห่งเมียนมาในช่วงปี 2011-2016 ที่เติบโตจากประมาณ 8 แสนคนสู่ระดับ 2.9 ล้านคน

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เฟื่องฟูนี้ ได้ผลักดันมูลค่าการขออนุญาตลงทุนธุรกิจโรงแรมสูงกว่า 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงปี 2013-2017 และมีจำนวนห้องพักทั่วประเทศราว 5.8 หมื่นห้อง โดยมูลค่าการลงทุนในอุตสาหกรรมดังกล่าวยังคงกระจุกตัวอยู่ในย่างกุ้ง เนื่องจากความพร้อมด้านระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่ดีกว่าเมืองอื่นๆ

ถึงอย่างไร อีไอซีมองว่ายังมีปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน เช่น ต้นทุนค่าเช่าที่ดินสูง จากข้อมูลของบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาฯ พบว่าค่าเช่าที่ดินย่านใจกลางเมืองย่างกุ้ง มีราคาสูงกว่าค่าเช่าที่ดินในย่านใจกลางเมืองของกรุงเทพมหานครกว่า 5 เท่า สาเหตุสำคัญมาจากการขาดระบบการประเมินราคาที่ดินที่ได้มาตรฐาน การตั้งราคาซื้อขายที่ดินจึงขึ้นอยู่กับผู้ขายเป็นหลัก เช่นเดียวกับต้นทุนค่าก่อสร้างที่สูงกว่าไทยราว 2-3 เท่า รวมถึงกฎระเบียบที่เข้มงวด เช่น กำหนดให้นักลงทุนต่างชาติ สามารถลงทุนสร้างโรงแรมในระดับ 3 ดาวขึ้นไปเท่านั้น

ปัจจัยดังกล่าว อีไอซีแนะโอกาสการลงทุนธุรกิจโรงแรมในเมียนมา 2 รูปแบบ คือ 1.การร่วมทุนกับบริษัทสัญชาติเมียนมา เพื่อตัดภาระด้านค่าเช่าที่ดินและลดความเสี่ยงของการต่ออายุการเช่าที่ดิน กลุ่มธุรกิจโรงแรมที่ลงทุนในลักษณะนี้ คือ โรงแรม Pan Pacific Yangon ซึ่งเผชิญกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายด้านการถือครองอสังหาฯ และนโยบายต่างๆ

2.การรับจ้างบริหารโรงแรม เป็นการลงทุนที่ใช้เงินลงทุนน้อยกว่ารูปแบบแรก หลีกเลี่ยงข้อจำกัดที่นักธุรกิจชาวเมียนมาไม่ต้องการลดสัดส่วนความเป็นเจ้าของทรัพย์สินให้แก่บริษัทต่างชาติ จากการตั้งบริษัทร่วมทุน ในขณะเดียวกันก็ต้องการความรู้ด้านการบริหารจัดการโรงแรมที่ได้มาตรฐานสากล ด้วยเหตุนี้กลุ่มธุรกิจโรงแรมระดับโลกหลายแห่ง เช่น Okura Hotels & Resorts หรือ Marriott International เลือกใช้

ปัจจัยความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจโรงแรม นอกจากการเลือกรูปแบบดำเนินธุรกิจให้เหมาะสมกับข้อจำกัด รัฐบาลเมียนมายังตื่นตัวและให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว สะท้อนจากการวางแผนแม่บทอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวปี 2013-2020 โดยความช่วยเหลือจากธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) ซึ่งเน้นแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น โดยเฉพาะการพัฒนาเครือข่ายถนนทั่วประเทศและสนามบินนานาชาติในเขตอิระวดีและเขตตะนาวศรี